ปลุกกระแสยี้ "ธรรมนัส" สะเทือนถึง "จักรทิพย์"

ปลุกกระแสยี้ "ธรรมนัส" สะเทือนถึง "จักรทิพย์"

กระแสยี้ "ธรรมนัส" ที่เกิดขึ้น ย่อมไม่พ้นถูก "คู่แข่ง" นำไปโจมตี จนอาจเกิดกระแสยี้ "จักรทิพย์" ส่งผลให้เสียแต้มก็เป็นไปได้ จากนี้ก็คงต้องรอวัดใจนาย อย่าง"ป. ป้อม" ว่า จะปรับ(แม่)ทัพ กทม.กันใหม่ หรือดันทุรังกันต่อ

ใกล้ถึงเวลาลงสนามเลือกตั้ง "ผู้ว่าฯ กทม." บรรดา “นักเลือกตั้ง” ที่เตรียมตัวสู้ศึกต่างชิงจังหวะทำคะแนน ยิ่งในช่วงที่โควิด-19 ระบาดในพื้นที่ชุมชนแออัดอย่างหนัก ถือเป็นโอกาสทองที่จะเร่งเก็บแต้ม

 

คนที่เห็นชัดเจนอย่าง "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. เปิดตัวเตรียมลงสมัครผู้ว่าฯ เมืองหลวง ก็ใช้จังหวะนี้เดินสายช่วยเหลือประชาชน แจกของใช้จำเป็น พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสอย่างน่าสนใจ

 

แม้ "จักรทิพย์" จะประกาศตัวลงชิงผู้ว่าฯกทม.ในนาม “อิสระ” แต่วงในรู้กันดีว่า "บิ๊กเนม" ที่อยู่เบื้องหลังคือพี่น้อง "3 ป" ซึ่ง "จักรทิพย์" ไม่ใช่คนอื่นไกลรู้จักมักคุ้นกันดี โดยเฉพาะยิ่งแนบแน่นช่วงร่วมทีม คสช.ในการรัฐประหาร

ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ "ป. ป้อม" ได้มอบหมายให้ "ผู้กองมนัส" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนวางขุมกำลังทุกองคาพยพในเครือข่ายของพรรคเพื่อสนับสนุน “จักรทิพย์”

 

"ผู้กองมนัส" จึงเรียก สก.-สข.-ส.ส. ในพื้นที่ กทม.ของพรรคพลังประชารัฐติวเข้ม การคุมฐานเสียง โกยคะแนน มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังมี สก.-สข.-ส.ส. บางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ "ผู้กองมนัส" ทำให้มีคลื่นใต้น้ำเคลื่อนไหวเงียบๆ

มาถึงชั่วโมงนี้แม้ "ศาลรัฐธรรมนูญ" จะวินิจฉัยปมไม่ขาดคุณสมบัติ ส.ส.-รัฐมนตรี กรณีจำคุกประเทศออสเตรเลียคดียาเสพติด แต่มลทินธรรมนัสกลับไม่จางหาย มิหนำซ้ำยังถูกขยายแผลจากกระแสสังคม รวมทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายตรงข้าม ชนิดที่เรียกได้ว่าถูกรุมไล่ให้แสดงสปิริตอย่างหนัก จนลามไปกดดันนายกฯ ให้ปรับพ้น ครม.

 

ดังนั้นหาก "ป. ป้อม" ยังฝืนกระแส ผลักดัน"ผู้กองมนัส" เป็นหัวหมู่ละลวงฟัน เป็นแนวหน้าช่วยดัน "จักรทิพย์" นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. อาจมีเสียงต้านจาก สก.-สข.-ส.ส. มากขึ้น เพราะรู้ดีว่ากระแสคนกรุงเป็นอย่างไร

กระแสยี้ "ธรรมนัส" ที่เกิดขึ้น ย่อมไม่พ้นถูก "คู่แข่ง" นำไปโจมตี จนอาจเกิดกระแสยี้ "จักรทิพย์" ส่งผลให้เสียแต้มก็เป็นไปได้ จากนี้ก็คงต้องรอวัดใจนาย อย่าง"ป. ป้อม" ว่า จะปรับ(แม่)ทัพ กทม.กันใหม่ หรือดันทุรังกันต่อ