"ครูยุ่น" เปิดใจหลังถูกสั่งปิดมูลนิธิฯเด็ก โยนกรรมการยื่นอุทธรณ์หรือไม่?
"ครูยุ่น" เปิดใจหลังถูกสั่งปิดมูลนิธิฯเด็ก โยนยื่นอุทธรณ์เป็นหน้าที่กรรมการ ยืนยันไม่เคยนำเงินบริจาคไปซื้อที่ดินสร้างรีสอร์ท
ความคืบหน้ากรณี "ครูยุ่น" ภายหลังจากที่จังหวัดสมุทรสงคราม ได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน "บ้านคุ้มครองเด็ก3" (บ้านริมน้ำ) ของ "มูลนิธิคุ้มครองเด็ก" จ.สมุทรสงคราม โดยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเด็กชุดสุดท้าย 12 คน ออกไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้(11 พฤศจิกายน 2565) นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีถูกเพิกถอนใบอนุญาตว่า เวลานี้ตัวอาคารสถานมูลนิธิยังอยู่ แต่ใบอนุญาตเปิดเป็นสถานสงเคราะห์ดูแลเด็กถูกเพิกถอน ส่วนจะอุทธรณ์หรือไม่อยู่ที่กรรมการของมูลนิธิจะเป็นผู้พิจารณา แต่บรรดาผู้มีอุปการะคุณและคนที่สนับสนุนมูลนิธิยังยืนยันที่จะทำตามเจตนารมณ์เดิม มูลนิธิเป็นของผู้สนับสนุน ทุกสิ่งทุกอย่างยังเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ หลังจากนี้จะเป็นไปในรูปแบบใดอยู่ที่กรรมการเป็นผู้พิจารณา
"ครูยุ่น" กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการถูกดำเนินคดี 2 ข้อกล่าวหา ตนไม่อยากพูดถึง เพราะถูกดำเนินคดีไปแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจ เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาค้ามนุษย์ ก็ยังไม่ขอพูดอะไร ว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย
ในกรณีที่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งให้ตรวจสอบเงินบริจาคของมูลนิธิ "ครูยุ่น" กล่าวยืนยันว่า สามารถตรวจสอบได้ ส่งรายงานทุกปี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเสียใจหรือไม่ที่มีคนกล่าวหาว่านำเงินบริจาคไปซื้อที่ดิน-สร้างรีสอร์ท? "ครูยุ่น" ตอบว่า ตั้งแต่พ้นจาก สว. ก็ถูกยื่นตรวจสอบไปแล้ว ตนไม่โกรธ ไม่อะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าเวลานี้ภาพตัวเองจะลบอย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลใดๆกับคนในพื้นที่
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับ ครูยุ่น และภรรยา วันนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้เชิญตัวผู้ปกครองและเด็กนักเรียนบางส่วนมาสอบปากคำ ร่วมกับสหวิชาชีพ ตามเป้าหมายของทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ