ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินวัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

วันนี้ (27 ตุลาคม 67) เวลา 15.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าวาสุกรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เพื่อประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประจำปีพุทธศักราช 2567 โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติมหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร โดยเสด็จในการนี้ด้วย 

ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึงท่าวาสุกรี กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และนางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ  

จากนั้น ทรงพระดำเนิน ไปยังสะพานฉนวนประจำท่าเทียบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ โดยมี องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ 

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลพระกรุณารายงานจำนวนเรือพระราชพิธีและกำลังพล  

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จลงประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ โดยเสด็จลงผ่านเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ (กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ  ดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี) 

และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จลงประทับเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์

ในการนี้ นายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ตีกรับ กำลังพลฝีพายถวายบังคม ผู้ควบคุมเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ กราบบังคมทูลพระกรุณารายงานจำนวนกำลังพลฝีพายประจำเรือพระที่นั่ง 

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

เมื่อพร้อมแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ออกจากท่าวาสุกรี เพื่อเข้าริ้วขบวนพยุหยาตราทางชลมารค (กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ ดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ชธงชัยเฉลิมพล ชาวเจ้าพนักงานประโคมกระทั่ง มโหระทึก  สังข์  แตรงอน  แตรฝรั่ง  ปี่ และกลองชนะประจำเรือพระราชพิธี ประโคมขึ้นพร้อมกัน) 

ในโอกาสอันเป็นมหามงคลนี้ กองทัพเรือ สำนักพระราชวัง และกรมศิลปากร ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ร่วมกันดำเนินการซ่อมแซมเรือพระราชพิธี ในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค รวมถึงการเตรียมความพร้อมในส่วนอื่น ๆ เพื่อให้การจัดพระราชพิธีฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จัดตามรูปแบบโบราณราชประเพณีทุกประการ โดยรูปขบวนฯ จัด 5 ริ้ว 3 สาย ความยาว 1,280 เมตร กว้าง 90 เมตร มีเรือพระราชพิธี จำนวน 52 ลำ ประกอบด้วย

  • เรือพระที่นั่ง 4 ลำ
  • เรือรูปสัตว์ 8 ลำ
  • เรือคู่ชัก 2 ลำ
  • เรือพิฆาต 2 ลำ
  • เรือประตูหน้า 2 ลำ
  • เรือกลอง 2 ลำ
  • เรือแซง 7 ลำ
  • เรือตำรวจ 3 ลำ 
  • เรือดั้ง 22 ลำ 
  • ใช้กำลังพล รวม 2,412 นาย 

- ริ้วสายกลาง มีเรืออีเหลือง หรือเรือกลองนอก อยู่ด้านหน้าสุด ตามด้วย เรือตำรวจ (นอก) เรือตำรวจ (ใน) เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ซึ่งเป็นเรือประดิษฐานบุษบกเชิญผ้าพระกฐิน เรือแตงโม หรือเรือกลองใน เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ซึ่งเป็นเรือพระที่นั่งทรง เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เป็นเรือพระที่นั่งรอง เรือตำรวจ (กรมวัง) ปิดท้ายด้วยเรือแซง 

- ริ้วสายใน 2 ริ้ว ขนาบข้างริ้วสายกลาง เป็นคู่ มีเรือทองขวานฟ้า และเรือทองบ้าบิ่น เป็นเรือประตูหน้า ตามด้วย เรือเสือทยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์ เป็นเรือพิฆาต ต่อจากนั้น เป็นเรือรูปสัตว์ 8 ลำจำนวน 4 คู่ ประกอบด้วย เรืออสุรวายุภักษ์ เรืออสุรปักษี เรือกระบี่ปราบเมืองมาร  เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง เรือครุฑเหินเห็จ เรือครุตเตร็จไตรจักร และปิดท้ายริ้วสายใน ด้วยเรือเอกไชยเหินหาวและเรือเอกไชยหลาวทอง เป็นเรือคู่ชัก

- ริ้วสายนอก 2 ริ้ว แต่ละริ้ว ประกอบด้วยเรือดั้ง 11 ลำ และเรือแซง 3 ลำ

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ตลอดระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เคลื่อนไปตามชลวิถีท้องน้ำเจ้าพระยา  พนักงานเห่ทำการเห่เรือ  ด้วย กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติฯ  ประกอบด้วย

  • บทสรรเสริญพระบารมี
  • บทชมเรือ บทบุญกฐิน
  • บทชมเมือง  

3 ทำนอง คือ ช้าละวะเห่ เป็นท่วงทำนองที่ไพเราะ เป็นการให้สัญญาณเริ่มต้นการเคลื่อนขบวนเรือไปพร้อม ๆ กันอย่างช้า ๆ  ตามด้วย มูลเห่ เป็นท่วงทำนองที่สนุกสนาน ใช้ประกอบการพาย เพื่อพาขบวนเรือล่องไปตามท้องน้ำเจ้าพระยา  และสวะเห่ เป็นการเห่เมื่อใกล้จะถึงที่หมาย มีการใช้เสียงสั้นยาวให้เหมาะแก่สถานการณ์ นับว่าเป็นการเห่ที่ยากที่สุด แต่แสดงถึงความสง่างามของขบวนเรือพระราชพิธีอย่างงดงาม โดยมีผู้ให้สัญญาณ กรับจากเรือพระที่นั่ง และเสียงเส้ากระทุ้งให้เข้าจังหวะการพายจากเรือดั้ง และเรือรูปสัตว์ 

การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค มีวิวัฒนาการมาจากการจัดขบวนทัพเรือในยามที่ว่างจากศึกสงคราม เพื่อเป็นการฝึกซ้อมเรียกระดมพล โดยกองเรือเหล่านั้น จะถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีการประโคมดนตรีไปในขบวนเรือ เพื่อสร้างความเพลิดเพลินให้แก่ไพร่พลในกองทัพ โดยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและสืบทอดต่อกันมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์  เป็นริ้วขบวนเรือพระราชพิธี ที่จัดขึ้นสำหรับพระมหากษัตริย์ ในการเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ และในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายถวายผ้าพระกฐิน

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ทั้งนี้ ในการเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราชลทางชลมารคในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีมาตั้งแต่คราวตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี เมื่อปีพุทธศักราช 2325  โดยมีหลักฐานปรากฏในพงศาวดารหลายฉบับ กล่าวไว้ตรงกันว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค  ข้ามฟากจากพระราชวังกรุงธนบุรี  มา ณ ฝั่งฟากตะวันออกเสด็จขึ้นฉนวนหน้าพระบรมมหาราชวัง  ประทับพระราชยาน มีตำรวจหลวงแห่นำและตามเสด็จพระราชดำเนิน สู่พระราชนิเวศน์มณเฑียรสถาน ทรงประกอบการพระราชพิธีปราบดาภิเษก เป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์   ครั้งในรัชกาลต่อ ๆ มา  พระมหากษัตริย์  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดริ้วขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในโอกาสสำคัญต่าง ๆ ซึ่งตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2475 ที่มีการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 150 ปี  หลังจากนั้นไม่ได้มีการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จนถึงปีพุทธศักราช 2500รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูขบวนพยุหยาตราทางชลมารคขึ้นมาใหม่  ในโอกาสที่ทางราชการจัดงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษขึ้น  โดยจัดให้มีขบวนเรือพระราชพิธีอัญเชิญพระพุทธรูป พระไตรปิฏก และพระสงฆ์แห่ไปตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา   การเฉลิมฉลองครั้งนั้น เรียกชื่องาน ว่า “งานพุทธพยุหยาตรา ทางชลมารค”  

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคตั้งแต่ปี 2500 ถึงปี 2555 รวม 17 ครั้ง  ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567  เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เส้นทางขบวน จากท่าวาสุกรีถึงท่าราชวรดิฐ  และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่นับเป็นครั้งแรกในการเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม 

เวลา 16.10  นาฬิกา เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เข้าเทียบสะพานฉนวนน้ำ หน้าพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม  เจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญผ้าพระกฐินจากบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ไปรอทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ในพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

เมื่อเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เข้าเทียบท่าฉนวนน้ำ หน้าพระอุโบสถวัดอรุณราชวรารามเรียบร้อยแล้ว (นายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ตีกรับ  กำลังพลฝีพายถวายบังคม  แตรเดี่ยว (เรือแตงโม) เป่าเพลงคำนับพร้อมกัน) 

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จขึ้นท่าฉนวนน้ำ หน้าพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม

ต่อจากนั้น เสด็จเข้าพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับผ้าไตรจากเจ้าพนักงานศุภรัต ทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้า ซึ่งตั้งอยู่หน้าอาสน์สงฆ์ใกล้เจ้าอาวาส ทรงจุดธูปเทียนนมัสการบูชา พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร รัชกาลที่ 2  ทรงหยิบผ้าห่มสำหรับพระประธานพระอุโบสถที่วางอยู่บนผ้าไตร พระราชทานเจ้าพนักงานภูษามาลา 

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้าพาดระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ ผินพระพักตร์สู่พระประธานพระอุโบสถ ทรงว่า “นะโม ตัสสะฯ” จบ 3 หนแล้ว ผินพระพักตร์สู่ที่ชุมนุมสงฆ์ ทรงกล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน  จากนั้น ทรงวางผ้าไตรไว้บนพานแว่นฟ้าที่เดิม แล้วทรงประเคนผ้าไตรและเทียนปาฏิโมกข์ แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

เมื่อพระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน ออกไปครองผ้าพระกฐินเสร็จแล้ว และกลับมานั่งยังอาสน์สงฆ์ที่เดิม  จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระดำเนินไปถวายเครื่องบริวารพระกฐิน แด่พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน  ทรงหลั่งทักษิโณทก  พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก

ในโอกาสนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินบำรุงวัดอรุณราชวราราม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก 

ในการนี้ เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ถวายพระพุทธนฤมิตร (จำลอง) ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว เนื้อทองคำและเนื้อเงิน แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ถวายพระพุทธนฤมิตร (จำลอง) ขนาดหน้าตัก 7 นิ้ว เนื้อทองคำและเนื้อเงิน แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี  ถวายพระพุทธนฤมิตร (จำลอง) ขนาดหน้าตัก 3.5 นิ้ว เนื้อทองคำและเนื้อเงิน แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

ต่อจากนั้น เสด็จออกชานหน้าพระอุโบสถ  ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาพระพุทธนฤมิตร พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ต่อจากนั้น  ทรงพระดำเนินไปทรงวางพุ่มดอกไม้ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 

วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา เมื่อแรกเริ่มชื่อ "วัดมะกอก" และเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดมะกอกนอก" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดแจ้ง"  เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2  ชื่อ "วัดแจ้ง" มาจากชื่อที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระราชทานหลังจากทรงยกทัพกลับจากทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง เป็นเวลารุ่งอรุณที่หน้าวัดแห่งนี้

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

โดยในรัชสมัยรัชกาลที่ 1  มีพระราชกระแสให้บูรณปฏิสังขรณ์ "วัดแจ้ง" ทั้งวัด  แต่เสด็จสวรรคตก่อน จึงแล้วเสร็จเพียงกุฏิสงฆ์  ส่วนพระอุโบสถ กับพระวิหาร แล้วเสร็จในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 และพระราชทานชื่อใหม่ว่า “วัดอรุณราชธาราม”  ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 3  มีพระราชกระแสให้เสริมพระปรางค์ ให้ใหญ่และสูงขึ้น เพื่อสนองพระราชดำริรัชกาลที่ 2 ที่มีพระราชประสงค์ให้พระปรางค์วัดอรุณราชธาราม เป็นพระมหาธาตุสำหรับพระนคร  และในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 “วัดอรุณราชธาราม” ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์หลายรายการ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เชิญพระบรมอัฐิของรัชกาลที่  2 มาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย เมื่อการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จพระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม” 

ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน วัดอรุณ โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค