"เอ้ สุชัชวีร์" ควงผู้สมัคร ส.ก. เดินหาเสียงย่านคลองสาน
"เอ้ สุชัชวีร์" ฟิตตื่นแต่เช้า เดินหาเสียงย่านคลองสาน ปลื้มชาวบ้านจำนโยบาย ไวไฟฟรี 150,000 จุดได้ เผยหาเสียงจนลืมวันลืมคืน แต่ไม่เคยลืมการต้อนรับที่อบอุ่น ประทับใจ
23 เม.ย.2565 ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 4 เดินแนะนำตัวหาเสียงที่ตลาดวงเวียนใหญ่ และตลาดวัดเศวต โดยมีนายสมชาย เต็มไพบูลย์กุล “บ๊วย” ผู้สมัคร ส.ก. เขตคลองสาน หมายเลข 1 และยังเป็นทั้งอดีต ส.ข. และ อดีต ส.ก. ที่มาพร้อมสโลแกนส่วนตัวว่า “ทำอะไรไม่ได้ใช้บ๊วย” พาเดินทักทายใกล้ชิดทั่วถึง ชูนโยบายส่งเสริมตลาด กระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ขายได้ทุกวัน เพิ่มก๊อกน้ำสาธารณะ และห้องน้ำสาธารณะในแหล่งชุมชน แหล่งท่องเที่ยว
ในการเดินหาเสียงของ “เอ้ สุชัชวีร์” และ พี่บ๊วย ที่เขตคลองสานวันนี้ “เอ้ สุชัชวีร์” รู้สึกตื่นเต้น เมื่อคืนที่ผ่านมานอนไม่หลับ แม้จะหาเสียงจนจำวันคืนไม่ได้ แต่จดจำรอยยิ้มและการต้อนรับอย่างดีจากพี่น้องประชาชนในเขตคลองสาน ที่มีทั้งกวักมือเรียกมาคุย ขอถ่ายรูปอย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง สามารถจดจำนโยบาย “ไวไฟฟรี 150,000 จุด” ได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับให้ความมั่นใจว่าเขตคลองสาน บัตรสีน้ำตาล กา “เอ้ สุชัชวีร์ เบอร์ 4” และ บัตรสีชมพู กา “บ๊วย เบอร์ 1” แน่นอน
ทั้งนี้จากการที่ “เอ้ สุชัชวีร์” ได้เคยลงพื้นที่เขตคลองสานมาแล้ว โดยได้มาวาดแผนที่บริเวณคลองวัดทองเพลง เพื่อให้เห็นสภาพปัญหาน้ำท่วม น้ำเน่าในบริเวณฝั่งธน จึงเห็นว่า ในต่างประเทศมีหลายประเทศประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นเดียวกับกรุงเทพฯ สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้สำเร็จมาแล้ว ซึ่งใช้วิธีการแก้ปัญหาไม่เหมือนกับเราที่พึ่งพาระบบปั๊มอย่างเดียว และแก้ปัญหาด้วยการสร้างแก้มลิงใต้ดินเพื่อเก็บน้ำฝนที่ตกลงมาและเก็บน้ำที่รอระบายไว้ใต้ดินก่อน เมื่อฝนหยุดตกจึงสูบออก สิงคโปร์ทำแล้วที่ใต้ถนนออร์ชาร์ด มาเลเซียทำที่กัวลาลัมเปอร์แล้ว กรุงโตเกียวก็ทำที่ใต้ถนนชินจูกุ ดังนั้นถึงเวลาแล้ว ที่ กทม. ต้องทำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ใจกลางเมือง เช่นจตุจักร สุขุมวิท และรามคำแหงให้เบ็ดเสร็จ
“เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่คน กทม. ต้องทนอยู่กับปัญหาน้ำท่วม น้ำเน่า มานาน สิ้นหวัง หมดหวัง จนไม่เชื่อไปแล้วว่ามันจะแก้ได้ แต่ผมอยากให้ทุกคนกลับมามีความหวังอีกครั้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมศึกษา และหาวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง และยังมีโอกาสไปพบกับผู้ว่ากรุงโตเกียว ที่เขาเจอปัญหามากกว่าเรา มีภัยพิบัติมากกว่าเรา ประชากรหนาแน่นกว่า ผลิตรถยนต์ได้เอง แต่กลับแก้ปัญหาน้ำท่วม รถติด ฝุ่นพิษ ได้เบ็ดเสร็จ เพราะเขาแก้ด้วย เทคโนโลยี และหลักวิศวกรรม ในช่วงครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และข้อดีของเทคโนโลยี คือ ยิ่งพัฒนา ราคายิ่งถูกลง เราเสียโอกาสไปมาก ที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีมาแก้ปัญหาซ้ำซากที่มีใน กทม. ทุกนโยบาย เขาทำมาเกือบทั่วโลกแล้ว พิสูจน์แล้วว่าแก้ปัญหาได้จริง ผม ‘เอ้ สุชัชวีร์’ ตั้งใจจะนำ วิธีการแก้ปัญหาที่ทั่วโลกทำแล้ว หรือ world class solution มาแก้ปัญหาซ้ำซากใน กทม. สักที ให้ปัญหาจบที่รุ่นเรา ไม่ส่งต่อปัญหาให้ลูกหลาน”
“เอ้ สุชัชวีร์” ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผู้สมัครผู้ว่าฯ ต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ ถ้าเกิดผู้ว่าฯ ไม่แสดงวิสัยทัศน์ ไม่มีเป้าหมาย จะพูดแต่เรื่องเดิมๆ ไม่ได้หรอก เพราะถ้าคิดแบบเดิม ทำแบบเก่า แล้วสามารถแก้ปัญหาได้ มันก็ต้องแก้ปัญหาไปแล้ว แต่ปรากฎว่า กรุงเทพฯ แย่ลงด้วยซ้ำ สิ่งที่ตนนำเสนอนั้นเป็นเรื่องที่เมืองอื่นๆ ในโลก รวมทั้งเพื่อนบ้านแก้ปัญหาได้แล้ว โดยใช้เทคโนโลยี หลักวิศวกรรม มันถึงเวลาแล้วที่ กทม. จะต้องทำ ถ้าเราเสียเวลาไปอีก 4 ปี ไม่กล้าคิดเลยว่าปัญหานี้จะถูกส่งต่อไปที่ลูกหลาน มันจะยิ่งหนักยิ่งขึ้น พร้อมกับมั่นใจว่านโยบายที่ตนได้นำเสนอนั้น เป็นนโยบายที่ทำได้จริง เปลี่ยนกรุงเทพ #เราทำได้