ปชป.ด่วนขบวนสุดท้าย เกาะ‘เพื่อไทย’ตั้งรัฐบาล?

สูตรจับขั้วตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย  สอดคล้องกับการเดินทางกลับไทยของ"ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯรัฐมนตรี ทำให้การเมืองยามนี้มีการจับสัญญาณไปที่ “แผนฟอร์มทีม” โดยกัปตันทักษิณ ซึ่งไม่กี่วันที่ผ่านมามีการตั้งฐานบัญชาการอยู่ที่ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่เมืองเกาลูน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง 

ทว่าหากไล่ลงลึกในหลากหลายสูตรจับขั้วที่ปรากฎอยู่ ณ เวลานี้ จะเห็นว่า ในส่วนของ “ค่ายสีฟ้า”  พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยามนี้ยังไร้ซึ่งตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ ยังคงผลุบๆโผล่ๆอยู่ทั้งขั้วฝ่ายค้านและรัฐบาล

จากความไม่ชัดเจน บวกการไร้ซึ่งเอกภาพจากศึกชิงอำนาจกันเองในพรรค ทำให้ที่ผ่านมามีการคาดการณ์ว่า ที่สุด25เสียงส.ส. “ค่ายสีฟ้า” อาจไม่ถูกจัดอยู่ในสมการจับขั้วที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ 

สอดคล้องกับ “วงชนแก้วมิ๊นซ็อก” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ไร้ซึ่งค่ายสีฟ้าเป็นหนึ่งในพรรคที่ถูกเทียบเชิญเข้าหารือถึงทิศทางการเมือง 

ย้อนกลับไปที่ “เกมล้มโต๊ะ” โหวตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่จะทำให้การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่บานปลายไปถึงการนัดประชุมใหญ่เป็นรอบที่3ในวันที่6ส.ค.นี้แต่เพียงเท่านั้น 

แต่ยังเป็นการสะท้อน"ศึกจับขั้วนอกพรรค" ระหว่าง “ขั้วอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”  อดีตหัวหน้าพรรคที่มี “ชวน หลีกภัย” เป็นแบ็คอัพ และเป็นฝั่งล้มโหวต ที่ต้องการขวางดีลลับข้ามขั้วของอีกฝ่าย หวังเป็นฝ่ายค้าน โดยอ้างถึงดีเอ็นเอพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่มีทางหลอมรวมเข้ากับพรรคเพื่อไทยได้ 

สวนทางกับ “ขั้วเฉลิมชัย ศรีอ่อน”  รักษาธิการพรรค ที่ถือแต้มต่อมีส.ส.ในมือ16 จาก25คน ช่วงที่ผ่านมาปรากฎกระแสข่าวดีลรักข้ามประเทศอย่างต่อเนื่อง หวังทอดสะพานถึงคนแดนไกลเกาะขบวนร่วมรัฐบาลในรอบนี้

เกมในพรรคเล่นแรงถึงขั้นมีการปล่อยข่าว “16ส.ส.ขั้วเฉลิมชัย” เตรียมย้ายซบค่ายภูมิใจไทย ซึ่งอยู่ในสูตรจับขั้วรัฐบาลเพื่อไทย  เทียบเคียง “ธรรมนัสโมเดล” กรณีที่พรรคพลังประชารัฐเคยขับส.ส.กลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากพรรคแล้วย้ายไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย 

แต่อย่างที่รู้กันในบริบทของพปชร.นั้นเป็นการขับออกโดยสมประโยชน์ร่วมกัน 

ต่างจากบริบทในค่ายสีฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยเกมชิงเหลี่ยม ฉะนั้นในทางปฏิบัติจึงเป็นไปได้ยาก ไม่มีทางที่อีกฝั่งจะยอมเปิดเกมเข้าทางอีกฝั่งด้วยการ  “ปล่อยอ้อยเข้าปากช้าง” เป็นแน่!  

เดิมที“ขั้วเฉลิมชัย” วางเกมหวังปิดจ๊อบด้วยการรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้ได้ตั้งแต่วันที่9ก.ค. หวังเปิดทางจับมือพรรคเพื่อไทยแบบสะดวกโยธิน โดย “หักดิบ” อ้างถึงมติพรรคที่ต้องถือเป็นที่สุด แต่ดันมาเจอเกมเขี้ยวลากดินจากอีกฝั่งงัดแผนล้มโหวตเสียก่อน

จึงทำให้ “ดีลรัก(ลับๆ)” ที่เคยดีลไว้ก่อนหน้า อาศัย  “กลุ่มทุน” เป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง2พรรคเข้าหากัน  เป็นอันต้องสะดุดหยุดลง ทว่าตราบใดที่ยังไม่มีสัญญาณ “ลั่นระฆังหมดยก” โอกาสเขย่าสูตรใหม่ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ

โดยเฉพาะการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่3ส.ค. ที่จะพิจารณาว่าจะรับหรือไม่คำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้ กรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ 2 

หากศาลรับคำร้องและสั่งให้ชะลอการโหวตรอบ3ออกไป ก็จะกลายเป็นเกมเข้าทางพรรคประชาธิปัตย์ ที่มั่นอกมั่นใจว่าจะสามารถปิดจ๊อบได้ “ตัวผู้นำพรรค”คนใหม่ในวันที่6ส.ค. ซึ่งหากเกมออกหน้านี้ในมุมปชป.ก็ยังมีความหวังในการเกาะรถด่วนขบวนสุดท้ายร่วมรัฐบาลได้ทันเวลา

สอดคล้องกับกระแสข่าวล่าสุดที่มีการปล่อยข่าว “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ส่งมือขวา “นายกชาย”  เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ เป็นตัวแทนร่วมซูเปอร์ดีลที่ฮ่องกง เมื่อวันที่25ก.ค.ที่ผ่านมา กระแสข่าวยังระบุอีกว่า นายกชายประกาศตัวอย่าชัดเจนเตรียมเป็นเลขาธิการพรรค และสามารถคอลโทรลส.ส.โหวตให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้อย่างแน่นอน 

ฉะนั้นต้องจับตาหลังการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนในวันที่ 6ส.ค.นี้ยามนั้นน่าจะได้เห็นสัญญาณการเมืองที่ชัดเจนขึ้น

ว่ากันว่าสัญญาณจาก"คนแดนไกล" มีเงื่อนไขหากจะร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ปชป.ต้องร่วมแบบ "ยกพรรค" ซึ่งสวนทางกลับความเคลื่อนไหวกลุ่มสนับสนุนอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะ "ชวน หลีกภัย" และ "บัญญัติ บรรทัดฐาน" ที่ยังแสดงท่าทีชัดเจนไม่ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย

จากนี้จึงต้องรอลุ้นว่า ที่สุดปชป.จะเกาะรถด่วนขบวนสุดท้ายเข้าขบวนพรรคเพื่อไทยในการ “จัดตั้งรัฐบาล” หรือสุดท้ายจะเป็นฝ่ายค้านตามที่มีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้!