'มนพร' นำเดินวิ่งข้ามโขงกระตุ้นเศรษฐกิจ คนแห่เที่ยว 'นครพนม' ทะลุ1.5 ล้าน
"นครพนม" สุดคึกคัก "มนพร" รมช.คมนาคม นำประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย ชาวลาว เกือบ 4,000 คน จัดกิจกรรมวิ่งข้ามโขง กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เชื่อมเส้นทางอินโดจีน ครบ 12 ปี
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 12 พ.ย. 2566 ที่ด่านชายแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่สาม นครพนม – คำม่วน จ.นครพนม นางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดกิจกรรม เดินวิ่งข้ามโขง ครั้งที่ 5 พร้อมปล่อย นักกีฬาเดินวิ่ง เกือบ 4,000 คน แข่งขันเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ ในรุ่นต่างๆ รวม 4 ประเภท โดยใช้เส้นทางผ่าน สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม - คำม่วน เป็นจุดเริ่มต้น ก่อนที่จะย้อนกลับไปตามเส้นทางเลียบแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เพื่อเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายสร้างสุขภาพ
อีกทั้งเป็นการกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยว ชูเส้นทางการท่องเที่ยว เมืองสามที่สุด ประกอบด้วย สวยที่สุด สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน ถือเป็นสะพานเส้นทางเศรษฐกิจเชื่อมสู่ประตูอินโดจีน ไปยัง ลาว เวียดนาม และจีน ระยะทางสั้นที่สุด ถือเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่มีการออกแบบสวยงามกว่าทุกแห่ง ที่เดียวในไทย เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง ก่อสร้างเมื่อปี 2554 หรือเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 11 ปี 2011 และมีการจัดกิจกรรมเดินวิ่ง ขึ้นทุกปี ในช่วงวันที่ 11 เดือน 11
นอกจากนี้ยังมีจุดงามที่สุด ประชาสัมพันธ์ เส้นทางการท่องเที่ยว เลียบแม่น้ำโขง มีเส้นทางจักรยาน รวมถึงเส้นทางเดินวิ่ง เพื่อสุขภาพ ที่สามารถชมความสวยงามทางธรรมชาติสองฝั่งโขงประชาชน นักท่องเที่ยวยังได้มีโอกาส กราบไหว้ขอพร องค์พญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์กพญานาคศักดิ์สิทธิ์ นาคาธิบดีสองฝั่งโขง ส่วน ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด คือ องค์พระธาตุพนม อายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปี ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุ กระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า
สำหรับการจัดกิจกรรมเดินวิ่ง ข้ามโขง ครั้งนี้ นางมนพร พร้อมด้วย นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม วันไซ พองสะหวัน เจ้าแขวงคำม่วน สปป.ลาว นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน นักท่องเที่ยว รวมถึงนักกีฬาวิ่งร่วมกิจกรรม พร้อมทั้งรับชมแสงแรกของเช้าวันใหม่ ที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากฝั่งโขง แขวงคำม่วน สปป.ลาว ถือเป็นอันซีนไทยแลนด์
ทั้งนี้ จ.นครพนม ถือเป็นเมืองสามที่สุด ที่มีประชาชน นักท่องเที่ยว กำลังให้ความสนใจ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้นทุกปี ล่าสุดมีตัวเลขประชาชน นักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ปีละกว่า 1.5 ล้านคน ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พักถูกจับจองเต็ม ในช่วงวันหยุด และเทศกาลสำคัญ ส่งผลดีต่อเงินหมุนเวียนสะพัดในพื้นที่
ส่วนการจัดกิจกรรมครั้งนี้ นอกจากจะได้ส่งเสริมการท่องเที่ยว รายได้จากการจัดกิจกรรม จะได้นำไปสมทบสนับสนุนองค์กรการกุศล ช่วยเหลือผู้ยากไร้ ด้อยโอกาส และสนับสนุนการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ช่วยเหลือโรงพยาบาลขาดแคลน