'4 เสา' ค้ำยันรัฐบาล ‘เพื่อไทย’ – ‘แพทองธาร’ ผนึกบ้านใหญ่ร่วมทัพ
'4 เสา' ค้ำยันรัฐบาล ‘เพื่อไทย’ ‘ประยุทธ์’ผนึกความมั่นคง – ‘แพทองธาร’ ผนึกบ้านใหญ่ร่วมทัพ ‘เศรษฐา’ โชว์ผลงาน กู้เศรษฐกิจ สร้างคะแนนนิยม
เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนเกมหันมาจับมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี พลิกสถานการณ์ทางการเมือง จัดตั้งรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ได้สำเร็จ
“ทักษิณ-เพื่อไทย” อาศัยเสียงสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในสายของ “ประยุทธ์” ยกมือโหวต “เศรษฐา” จนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมร่วมรัฐสภา หักอกพลพรรคสีส้ม หักอก “หนึ่งลุง” บ้านป่ารอยต่อ
ฝากฝั่ง “ประยุทธ์” ส่งพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ปั้นมากับมือเข้าร่วมรัฐบาลได้สำเร็จ แบ่งอำนาจ-แบ่งกระทรวง มาบริหารจัดการได้พอสมควร
การกลับไทยของ “ทักษิณ” แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ เพราะตัวของ “ทักษิณ” ไม่เฉียดเข้าในกรงขังแม้แต่นิดเดียว แต่กลับไม่ส่งผลสะเทือนให้เกิดแรงต้าน
เช่นเดียวกันกับการลงจากตำแหน่งผู้นำประเทศของ “ประยุทธ์” กลับสวยหรู ไม่ทุลักทุเลเหมือนอดีตผู้นำหลายคน ที่ครองอำนาจยาวนาน แต่มีฉากจบไม่สวยงามเท่าที่ควร
ทั้ง “ทักษิณ-ประยุทธ์” เปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตร ถ้อยทีถ้อยอาศัย เป็นหนึ่งในเสาหลักค้ำยัน “รัฐบาลเพื่อไทย” พร้อมสร้างเสาหลักอื่นให้แข็งแกร่ง เพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองให้ยาวนานที่สุด
“กรุงเทพธุรกิจ” ถอดรหัสเสาหลักค้ำยัน “รัฐบาลเพื่อไทย” ออกเป็น 4 เสา เพื่อสะท้อนทิศทางทางการเมือง เพราะในทุกย่างก้าวของทุกขุมกำลัง มักแฝงไปด้วยนัยทางการเมือง
“ชินวัตร”รวมพลัง
เสาหลักแรก “ทักษิณ-ครอบครัวชินวัตร” ฉากหน้ามี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คอยสอดประสานทุกภาคส่วน ไม่ให้เกิดปัญหาในการทำงาน คอนโทรลขุนพลเพื่อไทยไม่ให้แตกแถว ไม่ให้มีการสร้างกลุ่ม-ก๊ก-ก๊วน เพื่อต่อรองตำแหน่งแห่งหน
แม้จะมี สส. หลายคนอกหักที่ไม่ได้รับปูนบำเหน็จให้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี บางส่วนอกหักที่ส่งรายการ “คุณขอมา” แต่ไม่เข้าเป้า-ไม่เข้าวิน แต่กลับไม่มีใครออกมาแสดงความไม่พอใจ ภาพของ “เพื่อไทย” เวลานี้จึงดูสมัครสมานสามัคคีกันดี
ฉากหลัง “ทักษิณ” คอยบัญชาการเกมจัดวางคนให้ถูกกับงาน จัดวางกำลังให้ถูกใจ ว่ากันว่าบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับบิ๊กของหลายกระทรวง หลายหน่วยงานรัฐ แทงตรงไป “ชั้น 14” เกือบทุกตำแหน่ง
ไม่ต่างจากบอร์ดรัฐวิสาหกิจ “ทักษิณ” มอบหมายให้ “หมอตึกไทยคู่ฟ้า” เคลียร์คน-เคลียร์ตำแหน่ง เกือบทุกบอร์ด เพื่อจัดวางคนที่ฝีมือเป็นที่ไว้วางใจเข้าไปควบคุมดูแล
สำหรับคนของ “ครอบครัวชินวัตร” ในสายของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกลืนไปอยู่ในสายของ “อุ๊งอิ๊ง” เกือบทั้งหมด ส่วนสายของ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ถูกลดบทบาทลง แต่สยบยอมไร้แรงต่อรอง
บรรยากาศของ “ครอบครัวชินวัตร” ชั่วโมงนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่น ภารกิจ “ทักษิณ” พ้นโทษ พ้นคุก ใกล้ประสบความสำเร็จ รอสานต่อภารกิจ “ยิ่งลักษณ์” เดินทางกลับไทยตามรอยพี่ชาย ทั้งครอบครัวจึงต้องจับมือกันเดินไปด้วยกัน
“ประยุทธ์”คอนโทรลความมั่นคง-สว.
เสาหลักสอง ฝากไว้กับชายชื่อ “ประยุทธ์” โดยเฉพาะงานด้านความมั่นคง แม้ “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม จะเป็นเลือดแท้ “เพื่อไทย” ทว่าคนข้างกายที่มีอำนาจในกลาโหมส่วนใหญ่มาจากสาย “ประยุทธ์” อาทิ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม
ขณะเดียวกัน ผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.สส. พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. ได้รับการแต่งตั้งในช่วงรัฐบาลประยุทธ์ทั้งหมด
มีเพียง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เท่านั้นที่ “เศรษฐา” แต่งตั้งด้วยตัวเอง แต่เส้นทางของ “บิ๊กต่อ” ถูกวางมาตั้งแต่รัฐบาลประยุทธ์แล้ว
ดังนั้นแผงความมั่นคงที่ถูกถ่ายโอนอำนาจจาก “ประยุทธ์” มาสู่มือของ “เศรษฐา” โดยมี “สุทิน” เข้าไปเชื่อมต่อ ใช้วิธีประนีประนอม ยอมงอไม่ยอมหัก
นอกจากนี้ “ทักษิณ-เศรษฐา” ยังต้องใช้บริการของ “ประยุทธ์” ในการผ่านร่าง พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาแจก 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต ช่วยคอนโทรลเสียง สว. ผ่านร่างกฎหมาย ไม่เช่นนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเก้าอี้นายกรัฐมนตรี หากร่างพ.ร.บ. กู้เงิน ต้องตกไป
รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ พันธมิตรใหม่ทางการเมือง ตลาด สส. อยู่กันคนละพื้นที่ รวมไทยสร้างชาติขายแบรนด์ “ประยุทธ์” ดึงแต้มจากอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว มีฐานเสียงอยู่โซนภาคใต้ ด้าน “ทักษิณ-เพื่อไทย” ไม่เคยประสบความสำเร็จในพื้นที่ภาคใต้
ดังนั้น “เพื่อไทย-รวมไทยสร้างชาติ” ไม่ใช่คู่ต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง แม้จะมีบ้างในพื้นที่ภาคกลาง เมื่อถึงเวลาอาจจะต้องพูดคุยภาษาการเมืองกันให้เคลียร์
ชายชื่อ “ประยุทธ์” จึงถือเป็นเสาหลักค้ำยัน “รัฐบาลเพื่อไทย” คอยประสาน กลาโหม-เหล่าทัพ-หน่วยงานความมั่นคง คอยเป็นแบ็คอัพอยู่เบื้องหลัง
“เศรษฐา”โชว์ผลงาน
เสาหลักสาม “เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งเป็นศูนย์กลางของงานรัฐบาล แม้จะเป็นนักธุรกิจมาทั้งชีวิต ไม่ค่อยเข้าใจบริบทของเกมอำนาจ แต่เริ่มเรียนรู้เพื่อต่อยอดออกมาเป็นผลงาน
การเดินทางไปยังต่างประเทศ ประกาศตัวเป็น “เซลส์แมน” พยายามดึงนักลงทุนให้เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทางธุรกิจ จะทยอยผลิดอกออกผล เมื่อภาคธุรกิจเดินหน้า การลงทุนมีเพิ่มมากขึ้น จะทำให้ “เศรษฐา” แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันมีบทร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ให้ความช่วยเหลือตัวประกันคนไทย จาก “กลุ่มฮามาส” ซึ่งล่าสุดได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว 4 คน จะเป็นตัวกระตุ้นความนิยมของ “เศรษฐา” หากตัวประกันเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อไร จะเป็นแรงส่งเชิงบวกเพิ่มมากขึ้น
ผลงานในด้านต่างๆ รวมถึงแนวนโยบายของ “เพื่อไทย” ที่ “เศรษฐา” มานำมาสานต่อในนามรัฐบาล จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นความนิยมของ “เพื่อไทย” ให้ฟื้นกลับคืนมา
ผนึก “บ้านใหญ่” ร่วมทัพ
เสาหลักสี่ การดึง ‘บ้านใหญ่คืนถิ่น’ รวมพลศิษย์เก่า “ทักษิณ” ให้กลับมาร่วมงานกันที่ “เพื่อไทย” เพราะการเลือกตั้งรอบหน้าหาก “บ้านใหญ่” เปิดศึกซัดกับ “เพื่อไทย” อาจจะพ่ายแพ้ให้กระแสสีส้มได้เหมือนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
วันที่ 16 พ.ย. “แพทองธาร” เคลียร์ใจกับ “ป๋าเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หลังเกิดวิวาทะ “กวนโอ๊ย” จนบ้านใหญ่ฝั่งธน ประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับ “ทักษิณ”
วันที่ 19-20 พ.ย. “แพทองธาร” ควง สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค ลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ และ จ.น่าน เพื่อพบปะสมาชิกพรรคเพื่อไทย
โดยปัจจุบัน สส.อุตรดิตถ์ 3 คนของเพื่อไทย ประกอบด้วย กฤษณา สีหลักษณ์, วารุจ ศิริวัฒน์ และรวี เล็กอุทัย ซึ่งเป็นลูกชายของทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต สส.อุตรดิตถ์หลายสมัย
สำหรับเมืองน่าน สส. 3 คนของเพื่อไทย ประกอบด้วย สิรินทร รามสูต ,นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และณัฐพงษ์ สุปริยศิลป์
ประเมินผลการเลือกตั้ง สส.น่าน ปี 2566 ฐานเสียงเพื่อไทยยังแกร่ง คู่แข่งเจาะยาก ผลคะแนนทุกเขต ทิ้งห่างผู้สมัคร สส.พรรคคู่แข่งอย่างก้าวไกล
วันที่ 25 พ.ย. “เศรษฐา” ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยมี “เสนาะ เทียนทอง” และ “สรวงศ์ เทียนทอง” ให้การต้อนรับ ท่ามกลางกระแสข่าวจะตระกูลเทียนทอง จากค่ายพลังประชารัฐ ให้กลับผนึกกำลังเป็นทองแผ่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันให้จับตา “บ้านใหญ่นครปฐม” ที่โดนกระแสก้าวไกลถล่มหนัก เมื่อไม่มี 3 ป.ในกระดานการเมือง จึงอยู่ที่การตัดสินใจของ จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายก อบจ.นครปฐม
กรณีปทุมธานี เป็นการบ้านของ “แพทองธาร” จะหลอมรวมบ้านใหญ่สีแดงเมืองปทุม ให้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร อย่างที่รู้กัน การเลือกตั้งที่ผ่านมา เพื่อไทยปทุมธานี ไม่มีความเป็นเอกภาพ จึงพ่ายก้าวไกลยับ จากทั้งหมด 7 เขต ตกเป็นของค่ายสีส้ม 6 เขต เหลือ 1 เขตให้ค่ายสีแดง
คงต้องเคลียร์ใจ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กับ “บ้านใหญ่ ป.นำโชค” ของ นายกฯแป๊ะ หรือ สายัณ นพขำ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลบ้านกลาง อ.เมืองปทุมธานี ให้กลับมาร่วมแรงร่วมใจกันสู้กับพรรคก้าวไกล
จ.นนทบุรี บ้านใหญ่ย้ายไปสังกัดภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ เมื่อ ฉลอง เรี่ยวแรง อดีต สส.นนทบุรี หอบภรรยา เจริญ เรี่ยวแรง อดีตสส.นนทบุรี ไปอยู่พรรคภูมิใจไทย เช่นเดียวกับ วันชัย เจริญนนทสิทธิ์ อดีต สส.นนทบุรี บ้านใหญ่บางบัวทอง ทิ้งเพื่อไทยมาอยู่ค่ายสีน้ำเงิน
นอกจากนี้ต้องจับตา “บ้านใหญ่” จาก “พลังประชารัฐ” ที่อาจจะถึงเวลาแยกตัวกันออกมา อาทิ บ้านใหญ่เพชรบูรณ์ นำโดย สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข บ้านใหญ่กำแพงเพชร นำโดย วราเทพ รัตนากร บ้านใหญ่ราชบุรี นำโดย บุญยิ่ง นิติกาญจนา เป็นต้น
ทั้งหมดคือ 4 เสาหลัก ที่จะค้ำยันรัฐบาลเพื่อไทย ให้มีเสถียรภาพมากที่สุด มีเป้าหมายอยู่ครบเทอม สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ กอบกู้ศรัทธาของพรรคให้กลับมายิ่งใหญ่ เป็นความหวังของ “หัวขบวนอนุรักษ์นิยม” สกัดกั้น “ก้าวไกล” ไม่ให้เข้ามามีอำนาจทางการเมือง