'ก้าวไกล' เล็งใช้กลไก กมธ.เปิดเวทีหาทางออกปม ตร.จับนักข่าว 15 ก.พ.
รองโฆษกก้าวไกล จี้รัฐบาลปกป้องเสรีภาพนักข่าว ชี้ปิดปากสื่อเป็นเรื่องร้ายแรงในสังคมประชาธิปไตย เล็งใช้กลไก กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ เปิดเวทีคู่กรณี 2 ฝ่ายถกกันหาทางออก 15 ก.พ.นี้
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2567 ที่พรรคก้าวไกล น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีตำรวจจับกุมผู้สื่อข่าวประชาไทและช่างภาพอิสระสืบเนื่องจากการทำข่าวนักกิจกรรมพ่นสีบนกำแพงวัดพระแก้วเมื่อเดือน มี.ค. 2566 ว่า ไม่คิดว่าวันนี้เรายังต้องมาตั้งคำถามว่าเราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยแบบไหน ที่สื่อมวลชนผู้นำเสนอข้อเท็จจริง โดนฟ้องปิดปากครั้งแล้วครั้งเล่า กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (12 ก.พ. 2567) นายณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวของประชาไท ถูกตำรวจชุดนอกเครื่องแบบแสดงหมายจับข้อหาเป็นผู้สนับสนุนทำให้โบราณสถานเสียหายจากการขีดเขียนข้อความ ทั้งที่เขาแค่ทำหน้าที่สื่อมวลชนนำเสนอข้อเท็จจริง
น.ส.ภคมน กล่าวว่า ฝากไปยังรัฐบาล ขอให้ตั้งหลักตั้งสติ การปิดปากสื่อมวลชนเป็นเรื่องร้ายแรงในสังคมที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย ในฐานะที่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลพลเรือน มาจากการเลือกตั้ง แม้การจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดจากการผสมพันธ์ุข้ามขั้ว แต่ท่านมีทางเลือกที่จะแสดงให้ประชาชนเห็น ว่ารัฐบาลนี้พร้อมปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ขี้ขลาดความจริงเหมือนที่รัฐบาลเผด็จการเป็นกัน
“ดังนั้น ท่านยังมีโอกาส อย่าปล่อยเรื่องนี้ให้เนิ่นช้า รีบสลัดรอยต่อรัฐบาลเผด็จการให้ได้ แล้วทำหน้าที่รัฐบาลของประชาชน ปกป้องพื้นที่ของสิทธิเสรีภาพของสังคมอย่าให้หดแคบไปกว่านี้ ตระหนักอยู่เสมอว่าเสรีภาพสื่อก็คือเสรีภาพประชาชน การปกป้องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ก็คือการปกป้องสิทธิเสรีภาพประชาชนในการรับรู้ข่าวสาร ไม่ให้ถูกปิดหูปิดตา แต่หากท่านปล่อยเรื่องแบบนี้ให้เกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่คิดแก้ไข ดิฉันเป็นห่วงจริงๆ ว่าสุดท้ายประชาชนจะแยกไม่ออก ว่ารัฐบาลเศรษฐาต่างจากรัฐบาลประยุทธ์อย่างไร” น.ส.ภคมน กล่าว
น.ส.ภคมน กล่าวด้วยว่า ถ้าในสังคมไม่มีพื้นที่ให้สื่อมวลชนปกป้องสิทธิตนเองแบบนี้ จะใช้เวทีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้สื่อและภาครัฐได้ถกกันในวันที่ 15 ก.พ. 2567