เลขา ป.ป.ช.ข้องใจ 'วีระ' ไม่ยอมจบ ยันให้เอกสารคดีนาฬิกาหรูไปครบแล้ว

เลขา ป.ป.ช.ข้องใจ 'วีระ' ไม่ยอมจบ ยันให้เอกสารคดีนาฬิกาหรูไปครบแล้ว

เลขา ป.ป.ช.โต้ 'วีระ' ไม่ยอมจบปมเปิดเผยเอกสารคดีนาฬิกาหรู 'บิ๊กป้อม' ยันให้ครบถ้วนแล้ว แค่เข้าใจคลาดเคลื่อนคนละมุม ลั่นไม่โกหก ให้คำสาบานต่อศาลไปแล้ว ข้องใจจะเอาอะไรเพิ่มอีก เผยเตรียมถกยื่นอุทธรณ์ปมเสียค่าปรับ 1 หมื่นบาท

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีนายวีระ สมความคิด ยื่นศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำสั่งให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลในสำนวนการสอบสวนการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ บิ๊กป้อม  อดีตรองนายกรัฐมนตรี คดีนาฬิกาหรู โดยไม่มีการปกปิดคาดดำข้อความ ซึ่งเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางได้นัดคู่กรณีไปไต่สวน ว่า กรณีนี้ เป็นการตีความว่าการเปิดเผยนั้น ควรเปิดเผยมากน้อยแค่ไหน แต่มีความเข้าใจไม่ตรงกัน ป.ป.ช. มองว่า หลังมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดให้มีการเปิดเผยเอกสาร ได้เชิญนายวีระมา และมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ ยอมรับว่าบางเรื่อง ป.ป.ช.ปกปิดเป็นกระดาษขาว เนื่องจากเห็นว่า ข้อความ ข้อเท็จจริงไปซ้ำกับรายงานที่มอบให้นายวีระไปแล้ว จึงถ่ายเอกสารให้เฉพาะความเห็นของเจ้าหน้าที่ หัวหน้า ผู้อำนวยการสำนักและเลขา เป็นการก็อปปี้มาจึงไม่ได้เปิดเผย

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้พิจารณาคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดเรื่องให้เปิดเผยข้อมูล เป็นการเปิดเผยตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อมูลข่าวสาร ป.ป.ช.ได้นำรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วยรายละเอียดว่า ป.ป.ช.ได้มีการตรวจสอบ ขอทราบเอกสารรายงานจากบุคคลใด สอบปากคำบุคคลใด เข้าใจว่าเพียงพอแล้ว ที่จะให้ข้อมูลกับผุ้ที่มาขอทราบข้อมูลข่าวสาร 

นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่าว่า กรณีที่นายวีระ ออกมาระบุว่า มีเอกสาร 16 แผ่นที่เป็นกระดาษเปล่านั้น ขอยืนยันว่า ไม่ใช่กระดาษเปล่า เพียงแต่เป็นการถ่ายจากสำเนา ทำให้ภาพอาจจะไม่คมชัด เป็นเงาราง ๆ ส่วนการคาดแถบดำ เป็นการคาดชื่อ นามสกุล ตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ พยานบุคคล บริษัทที่เกี่ยวข้อง รายชื่อ กรรมการผู้จัดการ รวมทั้งรูปภาพถ่ายหน้าบุคคเพื่อไม่ให้รู้ว่าเป็นบุคคลใด เพราะต้องคุ้มครองผู้ให้ข้อมูลเบาะแส ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับกระบวนการยุติธรรม ไม่มีใครกล้าให้ข้อมูลกับป.ป.ช. เพราะไม่ได้ประสงค์ให้ข้อมูลต่อผู้ร้อง ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คไม่มีใครมาให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช. นี่เป็นสิ่งที่ ป.ป.ช.จำเป็น และยืนยันว่า ต้องรักษาความปลอดภัย และยังสอดคล้องกับศาลปกครองสูงสุดว่า ให้ปกปิดได้

“ท่านบอกว่าที่คาดดำนั้นเป็นการปกปิดข้อความ ซึ่งก็เป็นความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ท่านเอาไปโพสต์ว่า ป.ป.ช.ปกปิดข้อมูล จนกระทั่งป.ป.ช.บอกว่า ขอให้ศาลปกครองที่สั่งบังคับคดีชี้ขาดได้หรือไม่ ที่ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางไป แล้วเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ได้เชิญคู่กรณีไป ผมก็ไปร่วมด้วย และอธิบายให้ศาลฟัง ศาลท่านไต่สวน รวบรวมเอกสารแล้ว เราเอาเอกสารทั้งหมดที่มีในมือไปให้ศาลดู ไม่ได้มีการปกปิด ข้อเท็จจริงอยู่ในรายงานแล้ว รายงานการประชุมก็ส่งไปครบถ้วนแล้ว ซึ่งมีมติที่ประชุมอยู่แล้ว” นายนิวัติไชย กล่าว 

เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในอำนาจของศาลที่จะวินิจฉัยว่า ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตามคำบังคับครบถ้วนหรือไม่ โดยต้องรอคำวินิจฉัย ส่วนที่ระบุว่า เลขาธิการป.ป.ช.โกหกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในวันที่ไปให้ถ้อยคำต่อศาลนั้น ยืนยันว่าในวันดังกล่าวมีการให้สาบาน ตนได้กล่าวคำสาบานว่าจะให้ถ้อยคำด้วยความซื่อตรง ด้วยความจริง ถ้าไม่ตรง ไม่จริง ก็ขอให้มีอันเป็นไป ตามคำสาบานของศาล คิดว่าคงไม่กล้าโกหกเพราะคำที่ให้ปฏิญาณต่อหน้าศาลนั้นรุนแรงมาก ส่วนจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ไม่ทราบ เพราะไม่กล้าที่จะให้ข้อความเท็จต่อศาล และศาลเองก็มีการตรวจสอบ และเปรียบเทียบสิ่งที่ ป.ป.ช.ได้ให้กับนายวีระ และเอกสารที่ ป.ป.ช.ถืออยู่ในมือ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล จึงไม่ขอก้าวล่วง

นายนิวัติไชย กล่าวด้วยว่า ส่วนคำสั่งที่ให้ ป.ป.ช.ชำระเงินค่าปรับ 10,000 บาท เรื่องนี้ สำนักงาน ป.ป.ช อยู่ระหว่างว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ครบระยะเวลา ต้องดูคำพิพากษาของศาลก่อนว่า ป.ป.ช.ได้ดำเนินการครบถ้วนหรือไม่ คิดว่า เป็นการเข้าใจที่คาดเคลื่อน และเข้าใจผิดในสาระสำคัญ แต่ไม่โทษใคร เพราะต่างฝ่ายต่างมีมุมมอง ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนบางสำนักได้มาขอเอกสารไป ป.ป.ช.ก็ได้ให้รายงานไป สื่อมวลชนก็ไม่ได้มีความเห็นอะไร คิดว่า อ่านแล้วน่าจะเข้าใจ เพราะมีรายละเอียด ตนก็ไม่แน่ใจว่า ต้องการอะไรมากกว่านี้อีก