'เพื่อไทย' ยัน 'รัฐบาลเศรษฐา' เอาจริงปราบพวกค้ายา 10 เดือน ยึดได้ 106%
รองเลขาฯ เพื่อไทย ชี้ 'เศรษฐา' เป็นนายกฯ 10 เดือนเห็นผล รัฐบาลเอาจริงปราบยาเสพติด ยึดยาบ้าได้เพิ่ม 106% สกัดผู้ค้า 51% ขยายมาตรการป้องกัน-บำบัด รับฟังเสียงในพื้นที่ คืนสังคมปลอดภัยให้ลูกหลาน
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2567 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลว่า ตั้งแต่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นผู้นำในรัฐบาลเป็นเวลากว่า 10 เดือนนี้ สามารถสกัดกั้นผู้ค้าในประเทศได้เพิ่มขึ้น 51% และตรวจยึดยาบ้าได้เพิ่มขึ้น 106% เพราะรัฐบาลประกาศให้ยาเสพติดเป็นเป็นวาระแห่งชาติ ดำเนิน 3 มาตรการสำคัญอย่างแข็งขัน ได้แก่ การปิดชายแดน (Seal Border) สกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ลักลอบนำเข้าประเทศ การยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิด และการเผาทำลายยาเสพติดของกลางเพื่อป้องกันการนำออกจำหน่ายหมุนเวียน
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า มากไปกว่านั้นที่ประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 2 ยังย้ำมาตรการเข้ม 3 เดือน คือเร่งรัดการตรวจปัสสาวะทุกคนในชุมชน เพื่อค้นหาผู้เสพ ส่งไปบำบัด และเพื่อขยายผลหาผู้ค้า ผู้ผลิต และเร่งรัดการบำบัด รักษาผู้เสพ ให้ฟื้นกลับสู่ชุมชน โดยชุมชนและครอบครัวปลอดภัยไร้กังวล ตลอดจนกำหนดเป้าหมายนำร่อง 25 จังหวัด ชัดเจนใน 3 เดือน ตามข้อสั่งการนายกฯ ที่ได้ต้นแบบจาก จ.ร้อยเอ็ดและน่าน
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดนายเศรษฐา ยังเดินทางด่วนมาที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อจัดการปัญหายาเสพติด หลังจากมีการตรวจพบการลักลอบขนส่งสารโทลูอีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดหลายชนิด จำนวนกว่า 90 ตัน ผ่านท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีปลายทางเป็นประเทศที่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด การยึดสารครั้งนี้ช่วยป้องกันการผลิตยาเสพติดมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ตลอดจนมีการจับยาบ้าที่จังหวัดเชียงรายได้อีก 3 ล้านเม็ด
“ข้อสั่งการนายกฯ และมาตรการเข้มข้น ตั้งแต่แรกเริ่มเข้ามาบริหารประเทศ คือ 10 เดือนของการปราบปรามยาเสพติดภายใต้รัฐบาล นายกฯเศรษฐา ที่ไม่ต้องรอให้เสียเปล่า แต่ทยอยเห็นผลต่อเนื่อง ทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบำบัด เพื่อคืนสังคมปลอดภัยให้กับลูกหลาน ตามที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทยรับทราบเสียงจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จึงขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้รัฐบาลมุ่งมั่นทำหน้าที่โดยมีหัวใจเป็นประชาชนต่อไป” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว