'ปิยบุตร' ปลุกนักการเมืองหยุดยืมกุมเป้า สู้กลับยุบศาล รธน.
'ปิยบุตร' ชี้เกือบ 2 ทศวรรษศาล รธน.ปลด 3 นายกฯ ยุบ 5 พรรคใหญ่ ปลุกนักการเมืองถึงเวลาโต้กลับ จัดการยุบ 'ศาลรัฐธรรมนูญ' หยุดการยืมกุมเป้าเปล่งวาจาน้อมรับคำวินิจฉัย
เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2567 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เกือบ 2 ทศวรรษที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยจนส่งผลกระทบกับการเมือง ปลดนายกรัฐมนตรี 3 คน ยุบพรรคใหญ่ 5 ครั้ง ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ครั้ง ล้มเลือกตั้งทั่วประเทศ 2 ครั้ง ปลด สส.อีกหลายครั้ง แต่กลับเงียบสงัดชนิดเข็มตกลงพื้นยังได้ยินเสียง สมัยรัฐประหารปกครองประเทศ
นายปิยบุตร ระบุอีกว่า ดังนั้น การต่อสู้กับศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นภารกิจอันจำเป็นที่ต้องร่วมมือกัน ประชาชนแต่ละคนทำไม่ได้ เพราะ ไม่มีอำนาจรัฐในมือ ทำได้แต่เพียงส่งเสียง และกดดัน พวกที่ทำได้ คือ นักการเมืองในสภา ถึงเวลาแล้วที่นักการเมืองต้องจัดการสู้โต้กับศาลรัฐธรรมนูญ อย่ามัวแต่สวมวิญญาณ “นักร้อง” ร้องศาลรัฐธรรมนูญเพื่อจัดการนักการเมืองด้วยกัน พอกันทีกับการทำตนเป็น “ไก่ในเล้า” จิกตีกันเอง รอให้พวกเขาเลือกไก่ไปเชือดทีละตัว หยุดเสียทีกับการออกมายืนกุมเป้า เปล่งวาจา ”น้อมรับคำวินิจฉัย“ แล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อน ส่งคนอื่นๆเข้ามารับบทต่อ
แต่นักการเมืองต้องรวมพลังกันจัดการศาลรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจที่ตนมี ยกเลิกการยุบพรรค ยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญ หรือเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและที่มาเสียใหม่ ยกเลิกความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ยกเลิกอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม ของ ส.ส. รมต. ยกเลิกอำนาจการตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายปิยบุตร ระบุด้วยว่า นักการเมืองต้องแบกรับภารกิจเหล่านี้ ถ้านักการเมืองในสภารอบนี้ ไม่คิดทำ แต่เลือกกลับไปสมคบสุงสิงกับพวกชนชั้นนำ เลือกหนทาง “อยู่เป็น” หรือร้องขอความเมตตาจากพวกเขา เพื่อขอใบอนุญาตใบที่สองให้ตนได้เป็นรัฐมนตรี กันแบบเดิมๆแล้วล่ะก็ หนทางเดียวที่ “ประชาชน” มี คือ “ประชาชน” เลือก “ประชาชน” เข้าไปจัดการ และถ้า “ประชาชน” โดนจัดการ เอาคืน ทุบ ยุบ ปราบ อีก “ประชาชน” ก็จะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ “ประชาชน” สุกงอมเพียงพอที่จะเดินหน้าไปสู่สิ่งที่ไม่เคยเห็นในประเทศไทยมาก่อน