'นายกฯอิ๊งค์' ยันเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วอนฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น เลิกวาทกรรมเกลียดชัง

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภาวาระแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาว่า ทุกข้อเสนอแนะจากสมาชิกยืนยันว่าได้รับฟังอย่างชัดเจน พร้อมยืนยันว่า นโยบายหลายนโยบายที่สมาชิกได้หยิบยกบางนโยบายเสร็จสิ้นไปแล้ว บางนโยบายได้เริ่มไปแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพักหนี้ของเกษตรกร เรื่องปัญหายาเสพติดที่จะสานต่อนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเริ่มในเรื่องการป้องกันตามแนวชายแดนเพื่อสกัดการลักลอบเข้ามา รวมไปถึงการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ไปแล้วหลายราย ตนได้พูดคุยกับสส.จะมีมาตรการในเรื่องนี้อย่างเข้มข้นโดยหลังจากนี้จะลงพื้นที่รับฟังปัญหาด้วยตนเอง 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นเรื่องที่ชาวบ้านสะท้อนผ่านมายัง สส. ว่า “ไม่เอาแล้วดิจิทัลวอลเล็ต เอาเรื่องยาเสพติดก่อน” 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า  ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการแล้วเช่นกันโดยดำเนินการผ่านกระบวนการรัฐสภาที่ทุกคนมีส่วนร่วม ในฐานะนายกรัฐมนตรีขอน้อมรับคำแนะนำเรียน รู้เรื่องประวัติศาสตร์บาดแผล เรียนรู้เรื่องหลังนิติธรรมจะพยายามทำให้ถึงที่สุด
 

"หลายๆครั้งเข้าใจทางฝ่ายค้านดีในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเมื่อหลายปีที่แล้วพรรคเพื่อไทยเองก็ได้เสียงมาเป็นอันดับหนึ่งแต่จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จเช่นกัน และพรรคเพื่อไทยได้ร่วมกับพรรคก้าวไกลร่วมเป็นฝ่ายค้านด้วยกันดีพวกเรายังจำได้ดี เข้าใจจุดนี้

แต่ในวันนี้การที่พรรคเพื่อไทยถูกเลือกมาจากประชาชนถึง10.9ล้านคนนั่นก็คือเสียงของประชาชนเช่นกัน พรรคร่วมรัฐบาลเองก็ได้เสียงของประชาชนเลือกมาเช่นกัน ทุกเสียงคือเสียงของประชาชนคนไทยทั้งนั้นไม่มีเสียงไหนที่มีศักดิ์ศรีหรือด้อยศักดิ์ศรีเลย"
 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า อยากให้ที่ประชุมในที่นี้มาร่วมกันสร้างการอภิปรายที่สร้างสรรค์ไม่สร้างวาทกรรมเกลียดชังให้เกิดความเข้าใจผิดในหัวข้อต่างๆ เพราะเราอยู่สังคมรุ่นใหม่ที่จะเป็นตัวอย่างให้ประชาชนได้ ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงกาเสียงเลือกตั้งเราจึงไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งเหล่านั้น เราต้องมองเห็นภาพของส่วยรวมประเทศมากกว่าภาพลักษณ์ของเราเอง โดยเฉพาะสถานการณ์อุทกภัย ณ ขณะนี้ได้มีการพูดคุยหลายหน่วยงาน ขณะที่ทุกกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีการสั่งการล่วงหน้าถึงพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

 "เป็นสิ่งที่เราควรร่วมมือร่วมแรงร่วมใจเพื่อที่จะผ่านวิกฤติต่างๆของประเทศไปด้วยกันซึ่งไม่ใช่การสร้างความเกลียดชัง ไม่อยากให้ฝ่ายแค้น ฝ่ายค้าน มีเรื่องคับแค้นใจ เป็นฝ่ายแค้นแทน แต่ต้องเข้าใจกัน และอยู่ในสภาแห่งนี้ด้วยหลักความเข้าใจที่ถูกต้อง"