เมื่อ‘สหายใหญ่’ ประเดิมงาน ‘กลาโหม’ ‘จัดตั้งมวลชน’ ถึง ‘จัดระเบียบกองทัพ’
ภาพจำอดีตนักศึกษา 6 ต.ค.2519 หนีเข้าป่า ร่วมขับเคลื่อนงานกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ แม้จะเลือนราง แต่ทว่างานถนัดจัดตั้งมวลชนของ "ภูมิธรรม" ยังไม่ถูกลืม
KEY
POINTS
- หากมองผิวเผิน หน่วยงานทหาร และภารกิจเหล่านี้ ไม่มีอะไรผิดแปลก แต่ภาษาคอมมิวนิสต์เรียกว่างาน “จัดตั้งมวลชน”
- กำลังสำรอง ทหารเกณฑ์ ทหารผ่านศึก ครอบคลุมไปถึงครอบครัวทั่วประเทศ หากคำนวณเป็นคะแนนแล้วได้เป็นล้าน
- ส่วนทหารช่าง ทหารพัฒนา สามารถเอาเป็นเครื่องมือสร้างฐานเสียง ทำพื้นที่ทางการเมืองได้
ได้ฤกษ์ 10.00 น.วันที่ 16 ก.ย.2567 “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เดินทางเข้ากระทรวงอย่างเป็นทางการวันแรก พร้อมสักการะศาลหลักเมือง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงกลาโหม ก่อนตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ ตามขนบธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา
โดยมีทหารตบเท้าให้การต้อนรับอุ่นหนาฝาคั่ง ทั้ง พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อเจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.อะดุง พันธ์ุเอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ
ขาดเพียงแต่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ติดภารกิจประชุม ผบ.ทอ.อาเซียน ประเทศกัมพูชา แต่ได้รายงาน รัฐมนตรีให้รับทราบล่วงหน้าแล้ว พร้อมกับส่งผู้แทนมาร่วม
หลังเสร็จพิธี รมว.กลาโหม ป้ายแดง เข้าไปรับฟังบรรยายสรุป ภารกิจกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ทั้งการพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องอธิปไตย สนับสนุนนโยบายรัฐบาลทุกมิติ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ ก่อนร่วมรับประทานอาหารกับ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อทำความคุ้นเคย
“ภูมิธรรม” ชี้เปรี้ยง ถึงภารกิจเร่งด่วนเหนือสิ่งอื่นใด คือ การสร้างกำลังพลสำรอง และการเกณฑ์ทหาร ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านการจัดระบบให้เหมาะสม ไม่ให้กระทบกระเทือนความมั่นคงประเทศ
พร้อมประกาศอยากเห็นทหารเกณฑ์ปัจจุบัน แบ่งเป็น กลุ่มลูกหลานชาวบ้านที่ขาดโอกาส กับกลุ่มปัญญาชน ที่เข้ามาใช้ชีวิตในรั้วทหาร 2 ปี เปรียบเป็นทรัพยากรสำคัญ ที่ต้องฝึกฝน เติมศักยภาพทดแทนกำลังพล ในหน่วยงานราชการที่ขาด
ก่อนจะยกเคส ประเทศสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ที่ประสบความสำเร็จเรื่องกำลังพลสำรอง จึงอยากให้ 3 เหล่าทัพ นำมาเป็นต้นแบบ เพราะเชื่อว่า นโยบายนี้ทำได้ และไม่มีอะไรขัดแย้ง เพียงแต่ต้องจัดการให้เหมาะสม และจะขอติดตามความคืบหน้าในทุกปี
สำหรับภารกิจตรวจเยี่ยมหลังรับตำแหน่ง “ภูมิธรรม” บอก 3 เหล่าทัพ เอาไว้ทีหลัง ขอไปเยี่ยมกำลังพลบาดเจ็บ ทุพพลภาพ ป่วยติดเตียงจากการปกป้องอธิปไตย ดูแลความมั่นคง ลำดับแรก องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ถนนวิภาวดี และหากมีสิ่งใดเป็นการเสริมกำลังใจ และสมเหตุสมผลจะผลักดันเต็มที่
ถัดมา อยากไปดูเครื่องไม้เครื่องมือ ศักยภาพ หน่วยทหารช่าง 3 เหล่าทัพ และหน่วยทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ว่ามีความพร้อมเข้มแข็ง สามารถดำเนินต่อเนื่อง และมีแผนงานเป็นระบบในการช่วยเหลือประชาชนตลอดปีหรือไม่
หลังจากเมื่อเร็วๆ นี้ “ภูมิธรรม” มีโอกาสลงพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตื่นตาตื่นใจ ยุทโธปกรณ์ และกำลังทหารของเหล่าทัพ ระดมลงพื้นที่ช่วยเหลือกองทัพภาคที่ 3 บรรเทาความเดือดร้อนเหตุอุทกภัย ลำเลียงประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง มายังจุดปลอดภัย
หากมองผิวเผิน หน่วยงานทหาร และภารกิจเหล่านี้ ไม่มีอะไรผิดแปลก แต่ภาษาคอมมิวนิสต์เรียกว่างาน “จัดตั้งมวลชน”
กำลังสำรอง ทหารเกณฑ์ ทหารผ่านศึก ครอบคลุมไปถึงครอบครัวทั่วประเทศ หากคำนวณเป็นคะแนนแล้วได้เป็นล้าน
ส่วนทหารช่าง ทหารพัฒนา สามารถเอาเป็นเครื่องมือสร้างฐานเสียง ทำพื้นที่ทางการเมืองได้
สำหรับเผือกร้อน “โผทหาร” ต้องนัดพิจารณากันใหม่ ที่ต้องจับตา “กองทัพบก” ตำแหน่ง “แม่ทัพ ภาคที่ 2” และอีกหลายตำแหน่งในกองทัพภาคที่ 2 รวมถึง “แม่ทัพภาคที่ 4” ที่ฝ่ายการเมืองหวังผลักดันคนของตัวเอง เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการสร้างฐานเสียง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ส่วน “กองทัพเรือ” ติดปัญหาเก้าอี้ ผบ.ทร. หลัง “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.คนปัจจุบัน ยืนยันเสนอชื่อคนนอก 5 ฉลามทัพเรือ “บิ๊กแมว” พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ (ตท.23 ) ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. เป็น ผบ.ทร.นั้น ภูมิธรรม มั่นใจจะได้ข้อสรุปที่ดี
นอกจากนี้ ยังมี “เรือดำน้ำ” กำลังจ่อเข้า ครม. หากเศรษฐา ทวีสิน ไม่พ้นเก้าอี้นายกฯ ไปเสียก่อน เพราะข้อกังวลต่างๆ เช่น การเปลี่ยนเครื่องยนต์ ได้รับการการันตีจากเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่า เดินหน้าต่อได้ ไม่มีปัญหาตามมาภายหลังแน่นอน
แต่เมื่อเก้าอี้ รมว.กลาโหม เปลี่ยนตัว เรือดำน้ำก็ต้องมาทบทวนกันใหม่ อาจหมายรวมถึง โครงการจัดซื้อเครื่องบินรบฝูงใหม่ของ กองทัพอากาศ ที่เคาะเลือกเครื่องบินกริพเพน จากสวีเดน แทน F-16 สหรัฐ ในช่วงรอยต่อ เปลี่ยนผ่านรัฐบาล ที่อาจต้องลุ้นกันอีก
จบงานกระทรวงกลาโหมวันแรก “ภูมิธรรม”ให้ความมั่นใจ ผบ.เหล่าทัพว่า การเข้ามารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ไม่ได้มาสร้างความแตกแยก หรือถูกส่งให้มาแก้แค้นใคร แต่จะมาช่วยพัฒนากองทัพ
ส่วนภาพจำอดีตนักศึกษา 6 ต.ค.2519 หนีเข้าป่า ร่วมขับเคลื่อนงานกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือ พคท. แม้ ภาพจำของ “สหายใหญ่” ในยุคที่ภูมิธรรมเข้าป่า เจ้าตัวจะบอกว่า “จำไม่ค่อยได้ เพราะผ่านมา 50 ปีแล้ว”
ทว่า งานถนัดจัดตั้งมวลชนของภูมิธรรมยังไม่ถูกลืม และย่อมไม่พ้นถูกจับตาว่า ผู้จัดการรัฐบาลคนเดือนตุลาฯ จะใช้กลไกด้านความมั่นคง จัดระเบียบกองทัพให้เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนงานการเมือง เพื่อปูฐานเสียงให้รัฐบาลเพื่อไทยได้หรือไม่
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์