วิวาทะว่าด้วย'นายกฯคนกลาง'

วิวาทะว่าด้วย'นายกฯคนกลาง'

วิวาทะว่าด้วย "นายกฯคนกลาง"

“วิชา” ลั่นกฎหมายไม่มีทางตัน

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่าในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ก็มีความเป็นห่วงเหมือนกับคนไทยทุกๆ คน เพราะยืดเยื้อมายาวนาน และถ้ายืดเยื้อต่อไปคงไม่ดี เพราะการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่ทำแบบเล่นขายของ ต้องรับผิดชอบประชาชนที่มากกว่าการทำงานในระดับปกติ

สำหรับทางออกของประเทศในขณะนี้วุฒิสภาก็กำลังพยายามช่วยกันทำอยู่ คงต้องรอฟังว่าจะทำอะไรกันอย่างไร ได้แต่ให้กำลังใจกันเช่นเดียวกันกับการที่นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ได้ไปร่วมหารือกับส.ว.เพื่อให้กำลังใจ แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ

การเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีคนกลางทำได้หรือไม่นั้น นายวิชา กล่าวว่า “อย่าให้ผมพูดเลย เดี๋ยวจะหาว่าผมเข้าไปสนับสนุน แล้วจะหาว่าผมเป็นกบฏไปอีกคนหนึ่ง เอาเป็นว่าในทางการเมืองแล้ว กฎหมายไม่มีทางตัน มีทางออกเสมอ ซึ่งภาษิตทางกฎหมายมีอยู่ว่าประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือ กฎหมายสูงสุด นี่คือหัวใจกฎหมายมหาชน ดังนั้นสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชนคือกฎหมายสูงสุดที่ไม่มีทางตัน”

เมื่อถามว่าถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องมีนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า “อย่าเรียกว่านายกฯ เฉพาะกิจเลย แต่เรียกว่านายกฯ เพื่อการปฏิรูปประเทศจะดีกว่า เพราะถ้าเรียกนายกฯ เฉพาะกิจ ผู้คนอีกบางส่วนก็อาจจะเรียกว่านายกฯชั่วคราว อย่างนั้นคงไม่ค่อยดี”

เมื่อถามย้ำว่านายกฯเพื่อการปฏิรูปประเทศจะต้องรีบตั้งขึ้นเพื่อหาทางออกให้ประเทศใช่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ส.ว.ทั้งหลายก็กำลังคิดกันอยู่ ว่าจะหาทางออกให้กับประเทศอย่างไร แล้วจะมาถามในช่วงเวลาสั้นๆ นี้คงไม่ได้ เพราะเรื่องอย่างนี้คงต้องพูดกันเป็นวัน แต่จะต้องพูดกันถึงเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะปัญหาของประเทศยืดเยื้อมาเป็นเวลานานแล้ว ต้องยอมรับว่าเราร่างรัฐธรรมนูญไม่สามารถทำได้ทุกอย่างให้อยู่ในกฎหมาย แต่ไม่มีประเทศไหนที่ร่างรัฐธรรมนูญให้ครบถ้วนได้ทุกอย่าง แต่ต้องมีองค์กรที่ชี้ขาดหรือเป็นองค์กรที่แก้ไข เพราะมีตัวอย่างที่ประเทศฝรั่งเศสเวลาเกิดทางตันจะให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนชี้ขาดเพื่อการแก้ไขปัญหา แต่ไม่ใช่ชี้ขาดว่าใครผิดใครถูก

กรณีของประเทศไทยให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดได้หรือไม่นั้น นายวิชา กล่าวว่า เท่าที่เห็นศาลรัฐธรรมนูญก็สูงสุดแล้ว ในการชี้ขาดเมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างองค์กร

ส่วนประเด็นที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภา สามารถเป็นผู้นำชื่อนายกฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้หรือไม่นั้น นายวิชา กล่าวว่า "อย่าพูดว่าสามารถหรือไม่สามารถเลย การแสวงหาทางออกจะต้องเตรียมทางที่ไม่ตันเอาไว้ ซึ่งส.ว.รับหน้าที่ไปแล้ว เราคงไม่ต้องไปจ้ำจี้จ้ำไช ถึงแม้ว่าจะมีการตีความสถานภาพของนายสุรชัยอยู่ก็ทำกันไป เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ชอบตีความอยู่แล้ว"

"หากทำอะไรได้ทั้งหมด ต่อไปก็ไม่ต้องมีครม."

นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการนัดหารือระหว่างรัฐบาลกับสมาชิกวุฒิสภาเพื่อหาทางออกประเทศ ในวันที่ 19 พ.ค. ว่า ตนก็เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนว่ารัฐบาลจะหารือกับว่าที่ประธานวุฒิสภาถึงการหาทางออกของประเทศ มองว่าน่าจะหารือเรื่องการตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง ซึ่งหากมีการหารือจริง ก็จะขอถามกลับไปยังสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ทุกคนว่าการตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้นทำได้จริงหรือไม่ หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้ลาออกหมดเขาอาจตั้งได้ แต่ขณะที่กปปส.และสมาชิกวุฒิสภา บอกว่าอยากได้ครม.ที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศ ก็อยากถามว่าแล้วนายกรัฐมนตรีคนกลางจะมีอำนาจเต็มได้อย่างไรเพราะยังติดเงื่อนไขพ.ร.ฎ.ยุบสภาอยู่ ดังนั้นก็ถือว่ามีอำนาจหน้าที่เท่าครม.ชุดเดิม

"เขาจะอยากตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางไปทำไมเพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้นมา นอกจากได้คนกลางมาเพิ่มเท่านั้นเอง แบบนั้นวุฒิสภาก็บอกมาเลยว่าคนกลางคนนั้นคือใคร ใครจะกล้ามาเป็นในสถานการณ์ตอนนี้ แต่สำหรับผมมองว่าการตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 นั้นเป็นไปไม่ได้ถ้าเขาทำตามตัวบทกฎหมายจริงๆ " นายชัยเกษม กล่าว

ส่วนกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.แสดงท่าทีผิดหวังหลังจากฟังคำแถลงการณ์หาทางออกประเทศของส.ว.ในวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา นายชัยเกษม มองว่าทั้งนายสุเทพและส.ว.อาจพูดคุยรับปากอะไรกันไว้ก่อนหรือไม่ เพราะทางประธานวุฒิสภาก็บอกเองว่าพยายามทำแล้วแต่ทำไม่ได้เพราะกลัวถูกกำนันสุเทพด่า แต่นายสุเทพก็ออกมาปราศรัยด่าว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก ก็เลยสงสัยว่าว่าที่ประธานวุฒิสภากับนายสุเทพได้พูดคุยอะไรกันไว้ก่อนแล้ว นายสุเทพถึงกล้าด่าคนเป็นถึงว่าที่ประธานวุฒิสภาได้ขนาดนั้น

"ตอนนี้อำนาจของส.ว.ยังไม่มีสิทธิขอทูลเกล้าฯ หรือทำอะไรทั้งสิ้นเพราะเปิดสมัยประชุมไม่ได้ แต่ทางว่าที่ประธานวุฒิสภาก็บอกว่าจะขอใช้สิทธิข้อบังคับส.ว. ผมมีความเห็นว่าหากสามารถทำอะไรได้ทั้งหมด ต่อจากนี้ไปก็ไม่ต้องมีครม. ให้ขอพระราชกฤษฎีกาทำอะไรแล้ว"

"ควรหยุดสรรหานายกฯคนกลางทันที"

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 125 วรรคสอง บัญญัติไว้ชัดเจนว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และผู้ทำหน้าที่แทน ต้องวางตนเป็นกลาง ในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งนายสุรชัย ก็กล่าวต่อสาธารณะไว้หลายครั้ง หลังได้รับเลือกให้เป็นประธานวุฒิสภาว่าจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เมื่อมีศาลอาญาได้ออกหมายจับแกนนำกปปส.หลายคนในข้อหากบฎซึ่งการเป็นกบฎเท่ากับเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายชัดเจน นายสุรชัยจึงขาดความชอบธรรมทันทีที่จะดำเนินการสรรหานายกรัฐมนตรี เพราะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ไม่นับรวมอุปสรรคการสรรหา นายกฯคนกลาง ซึ่งนอกรัฐธรรมนูญ ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

"ขณะที่รัฐบาลยังรักษาการอยู่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 จึงขอแนะนำ นายสุรชัยด้วยความหวังดีว่า ควรหยุดการดำเนินการสรรหานายกฯคนกลางทันที"