อุทธรณ์ยกฟ้อง 'แทน เทือกสุบรรณ' พร้อมพวก คดีบุกรุกที่ป่าเขาแพง
ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง "แทน เทือกสุบรรณ" และพวกรวม4คน คดีบุกรุกที่ป่าเขาแพง เผยหลักฐานไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะชี้ว่าทั้ง4คนมีความผิด
วันนี้ ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทรณ์ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายพรชัย ฟ้าทวีพร ผจก.ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น จำเลยที่1 / นายสามารถ หรือ โกเข็ก เรืองศรี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น และนายหน้าขายที่ดิน จำเลยที่2 /นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. จำเลยที่3 และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ จำเลยที่4 ความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.ป่าไม้
จากกรณีปี 2543-2544 จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตร.วา ส่วนนายแทน และนายบรรเจิด จำเลยที่ 3-4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต
ในคดีนี้ศาลชั้นตั้น พิพากษาจำคุก จำเลยทั้งสี่คน 3-5ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากศาลเห็นว่า เป็นความผิดร้ายแรง เพราะป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของชาติ ควรที่ประชาชนจะต้องร่วมกันหวงแหน บำรุงรักษาให้อุดมสมบูรณ์เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ไม่ให้เป็นของส่วนตัวแก่ผู้ใด ซึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสี่ มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมของดิน น้ำ อากาศ และป่าไม้ทั้งโดยตรงและทางอ้อม อันเป็นต้นเหตุของความแห้งแล้ง และภัยพิบัติจากน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งจำเลยทั้งหมด ได้รับการประกันตัว
และวันนี้ จำเลยทั้งสี่คน เดินทางมาที่ศาล ด้วยสีหน้าปกติ พร้อมทนายความ ล่าสุด ศาลอุทรณ์อ่านคำพิพากษา แล้วเห็นว่า คำฟ้องจำเลยที่1-2 คือ นายพรชัย และนายสามารถคำบรรยายฟ้องไม่ชัดเจน ส่วนจำเลยที่ 3-4 คือ นายแทน และนายบรรเจิด พยานหลักฐานที่ยกมามีข้อสงสัยตามสมควรว่า ที่ดินป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ หรือไม่
ทั้งนี้หลักฐานจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะชี้ว่าทั้ง4คนมีความผิดตามที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ4 ฟ้อง จึงมีคำพิพากษาแก้ คำพิพากษาศาลชั้นต้น ยกฟ้องจำเลยทั้ง4คน โดยหลังรับฟังคำตัดสิน จำเลยทั้ง4คน เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ