ยกฟ้อง 'ทศพล แก้วทิมา' อดีตแกนนำปฏิรูปพลังงาน พ้นผิดชุมนุมปี57
ศาลชี้ชุมนุมเรียกร้องแก้ไขเรื่องพลังงาน ยืนปราศรัยแค่ประตูเดียว ไม่ปิดทางเข้าออกหมด ไม่ได้ขู่ประทุษร้าย ขณะที่อดีตแกนนำระบุเจตนาชุมนุมเร่งแก้ไขปัญหาประโยชน์ประเทศ
ที่ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.2546/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายทศพล แก้วทิมา อายุ 56 ปีเศษ โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ และอดีตแกนนำกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (กคป.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ และทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215, 358
โดยอัยการยื่นฟ้อง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.57 เวลากลางวัน จำเลยกับนายธวัชชัย พรหมจันทร์ กระทำการมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป (ประมาณ 250 คน) โดยการร่วมกันชุมนุมเดินทางด้วยรถยนต์บรรทุกหกล้อติดเครื่องกระจายเสียง 1 คัน และรถยนต์กระบะกับรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคัน ภายใต้การควบคุมสั่งการของจำเลยกับพวกอีก 2 คน มาทำการปิดล้อม บริเวณหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ที่ทำการของบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด และจำเลยกับพวกอีก 1 คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ทำหน้าที่แกนนำ เป็นหัวหน้าและมีหน้าที่สั่งการสลับกันขึ้นปราศรัยบนรถติดเครื่องกระจายเสียง มีเนื้อหาว่าจะเข้ายึดพื้นที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงพลังงาน แต่จะไม่เข้าไปในตัวอาคารและจะใช้สถานที่และห้องน้ำของอาคารจอดรถ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการให้มีการปฏิรูปพลังงานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้บังอาจทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า และทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งแผ่นแบริเออร์คอนกรีต จำนวน 1 แผ่น ราคา 1,700 บาท แบริเออร์พลาสติกสีส้ม จำนวน 4 แผ่น ราคา 2,000 บาท กระจกที่ติดป้อมรักษาความปลอดภัย จำนวน 3 บาน ราคา 5,000 บาท ฐานปูนติดตั้งแผ่นบอกทางเข้า จำนวน 1 อัน ราคา 800 บาท ผ้าใบปิดรั้ว จำนวน 1 แผ่น ราคา 50,000 บาท รวมราคาทรัพย์ทั้งสิ้น 59,500 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์ของ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด ผู้เสียหาย เหตุเกิดที่แขวง-เขตจตุจักร กทม.จำเลยให้การปฏิเสธ โดยวันนี้ นายทศพล จำเลย ซึ่งได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณา เดินทางมาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา
ขณะที่ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว เห็นว่า จำเลยกับผู้ชุมนุมได้ชุมนุมและปราศรัยเรียกร้องให้มีการปฏิรูปพลังงาน โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกับผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และยังก็ได้ความว่า ผู้ชุมนุมอยู่ที่ประตู 8 เพียงประตูเดียว ประชาชนยังสามารถเข้าออกประตูอื่นได้ ถือเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากการใช้กำลังประทุษร้าย ส่วนความเสียหายของทรัพย์สินนั้น มาจากการที่ผู้ชุมนุมขยับแบริเออร์ แล้วแบริเออร์ที่ติดกันล้มไปกระแทกทรัพย์สินเสียหาย อันเกิดจากความประมาทของผู้ชุมนุมเอง ขาดเจตนาทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิดอาญา พิพากษายกฟ้อง
ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายทศพล กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลให้ความเป็นธรรมกับตน ยืนยันการชุมนุมที่ผ่านมามีเจตนาชัดเจน คือต้องการให้รัฐแก้ปัญหาพลังงานเท่านั้น เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้นตนขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรหันมาดูแลปากท้องประชาชนมากกว่าเรื่องความมั่นคง และในยุคนี้ไม่มีใครกล้าทำลายประเทศอย่างแน่นอน