'ดีเอสไอ' หอบสำนวน 'แชร์แม่มณี' แสนแผ่นส่งอัยการ
"ดีเอสไอ" สรุปสำนวนควรฟ้อง "แม่มณี-พวก" ฉ้อโกงประชาชน ลุ้นสั่งคดีก่อนครบฝากขังครั้งสุดท้าย 26 ม.ค.นี้
เมื่อวันที่ 8 ม.ค.63 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก "นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร" ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้นำสำนวนคดีแชร์แม่มณี พร้อมความเห็นสมควรฟ้อง น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช ฉายาแม่มณี หรือเดียร์ อายุ 30 ปี เน็ตไอดอลชื่อดัง กับพวกรวม 5 ราย ในความผิด 3 ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ส่วนผู้ต้องหาที่ 6-10 เห็นควรฟ้องร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน มาส่งมอบให้ "นายฐาปนา ใจกลม" อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาสั่งฟ้อง
โดย "นายปิยะศิริ" ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้ดีเอสไอสอบปากคำผู้เสียหายจำนวนมาก ได้สรุปสำนวนคดีพร้อมความเห็นสมควรฟ้องผู้ต้องหาชุดแรก คือ น.ส.วันทนีย์ หรือแม่มณี กับบุคคลใกล้ชิดรวม 10 ราย โดย น.ส.วันทนีย์ กับพวกรวม 8 ราย ไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 รายได้ประกันตัว ขณะนี้ ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยืนยันว่ายังมีผู้ต้องหาชุดที่ 2 ซึ่งอธิบดีดีเอสไอได้อนุมัติให้ดำเนินคดีต่อเนื่องด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นแม่ทีมหรือแม่สายของแชร์แม่มณี คาดว่าจะมีจำนวนถึงหลักร้อยราย แต่เราต้องแยกสำนวนการสอบสวน เพราะว่าจะต้องสอบสวนให้ได้ความชัดเจน จะใช้เพียงการกล่าวอ้างว่าบุคคลนั้นบุคคลนี้เป็นแม่ทีมแม่ข่ายนั้นไม่ได้ ต้องมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินด้วย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคคลนั้นกระทำความผิดจริง ก่อนจะสรุปสำนวนคดีให้พนักงานอัยการด้วยเช่นกัน คาดว่าไม่น่าจะเกินเดือน เม.ย.นี้ ก็จะมีความชัดเจน
สำหรับประเด็นมูลค่าความเสียหายขณะนี้อยู่ที่ 1,300 - 1,500 ล้านบาท เราสามารถติดตามทรัพย์สินคืนในส่วนแรกได้เพียง 50 กว่าล้านบาท แต่ยืนยันว่ายังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะคดีที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับคดีนี้ ดีเอสไอมีอำนาจที่จะยึดอายัดทรัพย์ได้อีก สำหรับดารานักแสดงที่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอนั้น เรายังไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดคดีแชร์แม่มณี แต่ยืนยันไม่ว่าผู้ต้องหาจะเป็นใคร ถ้ามีพฤติกรรมเข้าข่ายลักษณะเป็นแม่ทีม แม่สาย เราต้องแจ้งข้อกล่าวหาอย่างแน่นอน ในส่วนของดารานักแสดงที่รับงานว่าจ้างสินค้าโดยสุจริตนั้นไม่ผิด แต่ต้องดูว่านอกเหนือจากข้อตกลงดังกล่าวมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่ มีลักษณะเข้าไปโน้มน้าวชักชวน หรือตัวเองเข้าไปมีส่วนให้ประชาชนหลงเชื่อ นอกจากตัวสินค้าด้วยหรือไม่
ขณะที่ "นายประยุทธ เพชรคุณ" รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวภายหลังการรับสำนวนคดีแชร์แม่มณีว่า สำหนับสำนวนเอกสารคดีแชร์อม่มณีนั้นมีจำนวน 47 ลัง 110,982 แผ่น ซึ่งปรากฏวัน-เวลาเกิดเหตุระหว่างวันที่ 1 มี.ค. – 30 ต.ค.62 ทุนทรัพย์ที่เสียหาย 1,376,215,359.74 บาท จำนวนผู้เสียหาย 2,553 คน โดยการพิจารณาสำนวนนั้นนายฐาปนา อธิบดีอัยการคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้อัยการคดีพิเศษ 1 เป็นผู้รับผิดชอบ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ ประกอบทั้งมีพยานหลักฐานเอกสารเป็นจำนวนมาก จึงมีคำสั่งให้พิจารณาในรูปแบบคณะทำงาน โดยหลังจากนี้ทางคณะทำงานอัยการก็จะพิจารณาสำนวนที่ได้รับจากดีเอสไอ ก่อนที่จะมีการนัดฟังคำสั่งคดีอีกครั้ง ซึ่งคดีนี้มีจะครบฝากขัง น.ส.วันทนีย์ หรือแม่มณี , นายเมธี ชิณภา ผู้ต้องหาที่ 1-2 ครั้งที่ 6 ในวันที่ 14 ม.ค.63 ซึ่งตามกฎหมายจะฝากขังผู้ต้องหาได้ถึงครั้งที่ 7 โดยจะครบครั้งสุดท้ายในวันที่ 26 ม.ค.63 ทางคณะทำงานอัยการก็จะเร่งพิจารณาสำนวน
ขณะที่ วันนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ยังได้นำตัวนายบริภัทร เข็มรัตน์ และนายปิยะเศรษฐ์ ธิโสภา ผู้ต้องหาที่ 9-10 ซึ่งได้ประกันตัวชั้นสอบสวน มารายงานตัวกับอัยการด้วย ซึ่งอัยการนัดให้มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 14 ม.ค.63 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาที่ 1-2 ส่วนจะทันกรอบเวลาฝากขังครั้งสุดท้ายหรือไม่นั้น
นายประยุทธ กล่าวว่า ต้องให้เวลาคณะทำงานพิจารณาสำนวนโดยละเอียด เนื่องจากคดีนี้มีพยานเอกสารนับแสนแผ่น ถึงแม้เอกสารจะเยอะ แต่ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หรือกู้ยืมเงินฯ ซึ่งความผิดเหล่านี้อัยการมีความเชี่ยวชาญในการตรวจสำนวนและร่างฟ้อง เพียงแต่เอกสารจำนวนมาก ผู้เสียหายจำนวนมาก ทุนทรัพย์สูง อาจต้องดูรายละเอียด แต่ในแง่ข้อกฎหมาย อัยการเราเชี่ยวชาญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย ประกอบด้วย น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช , นายเมธี ชิณภา , นายปิยะ คีรีสุวรรณกุล , น.ส.พรสวรรค์ ภูอินอ้อย , น.ส.สุพรรณี นิกรกุล ผู้ต้องหาที่ 1-5 ถูกแจ้ง 3 ข้อหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ส่วนนายธวัลรัตน์ ทิพย์ประเวช , น.ส.วิไลวรรณ หงส์ประชาทรัพย์ , น.ส.นิตยา พินนอก , นายบริภัทร เข็มรัตน์ และนายปิยะเศรษฐ์ ธิโสภา ผู้ต้องหาที่ 6-10 ถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน