วัดดีกรีสนามเลือกตั้งท้องถิ่น เดิมพัน 2 ขั้ว 'แพ้ไม่ได้'
หลังมีเสียงเร่งเร้ามาจากบรรดาพรรคการเมือง พร้อม “ทวงสัญญา” จากผู้มีอำนาจถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น
ล่าสุด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรมว.กลาโหม ออกมาพูดถึงความชัดเจน พร้อมส่งสัญญาณในเรื่องนี้ว่า “ถ้าเป็นไปได้จะมีการเลือกตั้งสักอย่างในปีนี้”
สอดรับกับท่าทีของ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. “จรุงวิทย์ ภุมมา” ที่ยืนยันถึงความพร้อมทั้งในเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ขณะนี้เหลือเพียงขั้นตอนการตรวจทานและประกาศราชกิจจานุเบกษา
รวมถึงงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจำนวน 800ล้าน เหลือเพียงรอสัญญาณไฟเขียวจากทางรัฐบาลในการประกาศให้มีการเลือกตั้งเท่านั้น
ทว่าในสภาวะที่พรรคการเมืองและขั้วการเมืองเกิดแรงกระเพื่อมเช่นนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มีผลไปถึงสนามท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นศึกแย่งชิงอำนาจภายในค่ายพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่แบ่งเป็นก๊กต่างๆ และมีความทับซ้อนกันในหลายพื้นที่ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ “บิ๊กพปชร.” จะต้องหาข้อยุติในเรื่องนี้ให้ได้
ไม่นับรวม“ดีลลับ” ระหว่าง“พินิจ จันทรสุรินทร์” จากพรรคเพื่อไทย กับ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พปชร. ยอมยกธงขาวเลือกตั้งซ่อมลำปาง ชนิดที่เพื่อไทยเองยัง “งงเป็นไก่ตาแตก”
ด้วย“สัญญาใจ”ในการแลกกับเก้าอี้ “นายกอบจ.ลำปาง” ที่พปชร.จะต้องหลีกทางให้
ว่ากันว่าคะแนนการเลือกตั้งซ่อมลำปางซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20 มิ.ย.หรืออีก 3วันข้างหน้า จะเป็นตัวชี้วัดอีกด้วยว่า “พินิจ” จะตัดสินใจ ลงนายกฯอบจ.ในนามเพื่อไทยต่อ หรือแปรพักต์มาร่วมชายพปชร. ในสภาวะที่เพื่อไทยกำลังแตกเป็นเสี่ยง
ถัดมาในส่วนของ “ค่ายสีฟ้า” พรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้เผชิญทั้ง “ศึกเลื่อยขา” กันเองภายในไม่ต่างจากพปชร.
ทั้งขั้วของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคขั้ว กปปส. ที่ก่อนหน้านี้ปรากฏข่าวส.ส.จำนวนหนึ่งดอดพบ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ทำเนียบรัฐบาล
ขั้ว “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่พยายามเลื่อยขา “จุรินทร์” เพื่อเปิดทางให้อดีตหัวหน้าพรรคคัมแบ็คอีกครั้ง
ขณะที่อีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ที่ปชป.จะต้องเผชิญ “ศึกนอกพรรค” คือ “การกู้ศักดิ์ศรี” และ “ล้างอาย” จากสนามเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของภาคใต้ที่ถูก “เจาะไข่แดง” โดย 4 พรรค คือ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาชาติและรวมพลังประชาชาติไทย
ไม่เว้นแม้แต่ “สนามกทม.” ซึ่งเป็นสนามที่ปชป.ถึงกับสูญพันธุ์ไม่มีส.ส.แม้แต่ที่นั่งเดียว
มีการคาดการณ์ว่า ในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นรัฐบาลอาจนำร่องที่ “สนามกทม.” เป็นสนามแรก หากเป็นเช่นนั้นก็จะถือเป็นการพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า ในสภาวะที่ค่ายสะตอกำลังประสบปัญหา “ส.ส.แตกรัง-ส.ก.เแปรพักต์” เช่นนี้ จะสามารถกู้ศักดิ์ศรีและล้างอายได้อย่างสำเร็จหรือไม่
โจทย์ใหญ่ของปชป.ในครั้งนี้บอกได้เลยว่า “แพ้ไม่ได้” เป็นอันขาดเพราะหากแพ้ย่อมส่งผลไปถึงที่จะตามมาในอนาคตด้วย
ฟากฝั่งของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” นอกจากจะเผชิญสภาวะแพแตกไม่แพ้ 2 พรรคแรกแล้ว ขณะเดียวกันยังประสบปัญหาพื้นที่ทับซ้อนกับ “ก้าวไกล” เห็นได้จากการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาที่ต่างฝ่ายต่างยอมหลีกทางให้กันชนิดที่เสียไม่ได้
แม้นาทีนี้ยังต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า สัญญาณไฟเขียวในการจัดการเลือกตั้งสนามแรกจะมีขึ้นเมื่อไร แต่เชื่อได้เลยว่าสนามใหญ่ที่ว่าเดือดแล้ว สนามเล็กยิ่งดุเดือดยิ่งกว่า
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผลที่ออกมาย่อมสะท้อนถึงคะแนนความนิยมที่จะมีผลไปถึงสนามอื่นๆ ที่กำลังจะตามมาอีกด้วย