"ส.ว." ชี้ "เยาวชน" ขาดทิศทางพัฒนา แนะ "หน่วยงานรัฐ" จัดให้เรียนวิชาทหาร

      ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมวุฒิสภา ช่วงหารือ ที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม มีส.ว. หารือต่อการแก้ไขปัญหาการชุมนุมทางการเมือง โดยกลุ่มเยาวชน และ พระสงฆ์

        โดยพล.ต.ท.ศานิตย์  มหถาวร ส.ว. หารือว่า ต่อกรณีที่พบว่ามีพระ ภิกษุ  สามเณร เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง ทั้งที่มหาเถรสมาคม (มส.)  ออกหนังสือเตือนและประกาศห้าม พร้อมระบุว่าการร่วมชุมนุมทางการเมืองเข้าข่ายขัดพระธรรมวินัย แต่ยังพบว่ามีพระเข้าร่วมการชุมนุม และในวันที่ 25 พฤศจิกายน พบนัดชุมนุมของคณะราษฎร63 ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อป้องกันปัญหา ควรให้เจ้าคณะผู้ปกครองร่วมตั้งกองบัญชาการร่วม ที่วัดเทวราชกุญชร เพื่อให้พระดำเนินการกับพระ และสอบสวนทางธรรมวินัย แทนให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ

       ขณะที่ นายออน กาจกระโทก ส.ว.  เรียกร้องไปยังกระทรวงศึกษาธิการ ให้บรรจุ 3 หลักสูตร เข้าสู่การเรียนการสอน อาทิ วิชาประวัติศาสตร์ รากเหง้าของคนไทยและบรรพบุรุษ รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์, วิชาหน้าที่พลเมือง เพื่อให้เข้าใจถึงบทบาทต่อชาติ และการใช้เสรีภาพที่ไม่กระทบสิทธิบุคคลอื่น และวิชาศีลธรรม หลังจากที่พบว่าเยาวชนที่ร่วมชุมนุมทางการเมืองกล่าวถึงสถาบันที่ทำให้คนไทยไม่สบายใจ 

 

      ทางด้าน นายอนุศักดิ์ คงมาลัย ส.ว. หารือ ว่ายุค40-50 ปีที่ผ่านมา มีคณะกรรมการเยาวชนแห่งชาติ พัฒนาเยาวชน และสนับสนุน กิจกรรมประสานงานองค์กรต่างประเทศและในประเทศ พัฒนาเยาวชนให้ไปทิศทางสร้างสรรค์ เห็นความสำคัญของการใช้พลังเยาวชนที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเด็กถึงผู้ใหญ่  ทำให้เยาวชนเข้าสู่ระบบสังคม โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมทางการเมือง แต่ปัจจุบันพบว่ามีภาวะผันผวนทางการเมือง ระบบการศึกษา และสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นปัญหาการพัฒนาเยาวชนขาดทิศทาง และไม่สามารถนำพลังสร้างสรรค์เยาวชนใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติได้มากเท่าที่ควร

       "ดังนั้นให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ควรมีนโยบายเพื่อประสานไปยังหน่วยงานภาคประชาสังคม ส่วนราชการ อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ  รวมถึงบูรณาการความร่วมมือกับเอกชน เพื่อพัฒนาเยาวชนเข้าสู่สังคมของผู้ใหญ่ รวมถึงการเรียนนักศึกษาวิชาทหาร  เพื่อให้เข้าสู่ระบบระเบียบวินัย  ทั้งนี้ขอฝากคำถามถึงกระทรงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่อการทำนโยบาย และบูรณาการงาน รวมถึงส่งเสริมกิจกรรมที่สอดคล้องกับรองรับพลังสร้างสรรค์ช่วงวัยเยาวชนให้เกิดประโยชน์ทั้งในและนอกโรงเรียนได้อย่างไร" นายอนุศักดิ์ หารือ.