'ผู้ว่าฯ กทม.' ลั่น! ได้วัคซีนเมื่อไหร่ รุ่งขึ้นฉีดผู้ลงทะเบียน กลุ่ม 'โดนเท' 15 มิ.ย. กลุ่มแรก
"ศปก.ศบค." แถลงสยบรอยร้าว "เลื่อนฉีดวัคซีน" ยัน ไร้วัคซีนการเมือง ด้าน "ผู้ว่าฯ กทม." ลั่น ได้วัคซีนเมื่อไหร่ รุ่งขึ้นฉีดทันที ให้กลุ่มลงทะเบียน 15 มิ.ย. ที่โดนยกเลิกนัด
จากกรณีพบมีการ "เลื่อนฉีดวัคซีน" ในหลายจุดในพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ลงทะเบียนผ่าน "ไทยร่วมใจ" ของ กทม. ที่ได้รับคิวตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.64 เป็นต้นไป ซึ่ง กทม. ได้ออกประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีน โดยแจ้งว่า จะมีการส่ง SMS แจ้งให้ท่านสามารถเลือกวันและเวลานัดหมายใหม่นั้น
ล่าสุด วันที่ 14 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผอ. ศปก.ศบค. พร้อมด้วย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม. และนพ.โอกาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมแถลงข่าวถึงการแก้ปัญหาจัดสรรวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่กทม.
โดยพล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การบริหารจัดการวัคซีนเป็นการบูรณาการโดย ศบค. และ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่1-2 วันที่ผ่านมา มีประเด็นเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการให้ตนเชิญ นพ.โอภาส และ พล.ต.อ.อัศวิน มาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจในประเด็นต่างๆ ยืนยัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทุกหน่วยงานตั้งใจทำงานช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ ซึ่งนโยบายนายกฯ ต้องการฉีดวัคซีนให้กับคนไทยทุกคนรวมถึงชาวต่างชาติในไทย 2.6 ล้านคนจึงต้องเตรียมวัคซีน 100 ล้านโดส กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเรียบร้อยแล้วเพื่อให้ได้ตามจำนวนภายในปี 64 ได้แก่ ซิโนแวค 8 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 5 ล้านโดส ซึ่งมีค่าเท่ากับวัคซีนอื่นเป็นสองเท่า และกระทรวงสาธารณสุขยังเตรียมจัดหาเพิ่มเติม จึงยืนยันว่ามีวัคซีนเพียงพอฉีดให้ประชากรอย่างน้อย 50 ล้านคน ในปีนี้อย่างแน่นอน
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า มิ.ย.นี้ จะมีวัคซีน 6 โดส และในเดือนต่อไปจะเป็น 10 ล้านโดส เป็นอย่างน้อย จะทำให้ ก.ย.นี้ หรืออย่าช้า ต.ค.นี้ จะฉีดให้ประชาชนครบ 50 ล้านโดส ซึ่งการวางแผนที่ดีที่สุดคือเมื่อได้วัคซีนมาแล้วจึงมาวางแผนฉีด แต่มีความล่าช้า จึงต้องวางแผนล่วงหน้าประมาณการวัคซีนที่จะเข้ามาเป็นอย่างไร แต่เมื่อมีความคลาดเคลื่อนไม่เข้ามาตามแผน ก็ต้องปรับต้องเลื่อนวันบ้าง ต้องกราบขออภัยประชาชนด้วย บริษัทวัคซีนไม่ได้ผิดเงื่อนไขเพราะยังอยู่ในกรอบของเดือนมิ.ย.นี้ ทางกทม. ก็แก้ปัญหาแล้ว ยืนยันไม่มีวัคซีนการเมือง ทุกหน่วยงานทำงานภายใต้นโยบายของศบค.
นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างน้อย 50 ล้านคน หรือร้อยละ 70 โดยให้เสร็จสิ้นภายในปี 64 ทั้งนี้ ตั้งแต่ก.พ. ที่ผ่านมา นำเข้าวัคซีนแล้ว 8.1 ล้านโดส เป็นแอสตร้าเซนเนก้า 2.1 ล้านโดส โดยกทม.ได้รับจัดสรรฉีดสูงสุดกว่า1 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม ตามธรรมชาติของการผลิตวัคซีนมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง การผลิตจึงต้องตรวจสอบและควบคุมคุณภาพทั้งภายในและจากต่างประเทศ ส่วนการจัดสรรคำนึงถึงข้อมูลวิชาการ พื้นที่ สถานการณ์การระบาด เป็นต้น มีการจัดลำดับความสำคัญให้กับกลุ่มเสี่ยงด่านหน้า เช่น บุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฉีดเกือบครบ 100% แล้ว และตั้งแต่ 7มิ.ย. การกระจายวัคซีนเป็นการทยอยส่งมอบเป็นงวดๆ ตามสัญญา ซึ่งมีการฉีดให้คนกลุ่มอื่นๆด้วยเช่น ครู เพื่อรับการเปิดเทอม บุคคลในส่วนขนส่งสาธารณะ เพื่อให้ไม่ให้มีการระบาด และกลุ่มแรงงานผู้ประกันตนตาม ม.33 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
"เดือนมิถุนายนจะมีการกระจายวัคซีนเป็นสองงวด ตั้งแต่ 7-20 มิ.ย. จำนวน 3 ล้านโดส เป็นซิโนแวค 1 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 2 ล้านโดส มีการส่งให้กทม. 5 แสนโดส เป็นแอสตร้าเซนเนก้า 3.5 แสนโดส ซิโนแวค 1.5 แสนโดส ประกันสังคม 3 แสนโดส มหาวิทยาลัย 11 แห่ง 1.5 แสนโดส ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม 76 จังหวัด 1.1 ล้านโดส รวมถึงส่วนที่เอาไว้รองรับสถานการณ์การระบาดเช่น จ.เพชรบุรี และงวดที่2 กำหนดกระจาย 21 มิ.ย.-2ก.ค. นี้ จำนวน 3.5 ล้านโดส ซิโนแวค 2 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 1.5 ล้านโดส ทั้งหมดจะถูกกระจายในเดือนมิ.ย. 6 ล้านโดส" นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนวัคซีนล็อตต่อไปจะเข้ามาเร็วที่สุดวันใดนั้น เมื่อวัคซีนเข้ามาก็ต้องดำเนินการตรวจสอบ มีหลายล้านโดสกำลังรอตรวจสอบคุณภาพ จึงขอไม่กำหนดวัน เพราะเรื่องคุณภาพมีความสำคัญ
ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเนื่องจากไม่ได้รับวัคซีนก่อน 14 มิ.ย. กทม.จึงแจ้งผู้ที่ลงทะเบียน ตั้งแต่ 15-20 มิ.ย. ให้ชะลอการฉีด และเมื่อได้รับวัคซีนเมื่อไหร่จะดำเนินการฉีดให้เร็วที่สุด รับมาวันไหนวันรุ่งขึ้นฉีดให้ประชาชนทันที โดยผู้ที่ลงทะเบียนในวันที่ 15-20 มิ.ย. จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับฉีดไม่ต้องวนไปต่อท้ายใหม่ ซึ่งเป็นผู้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม 1.4 แสนคน และผ่านไทยรวมใจ 1.7 แสนคน รวมกันประมาณ 3.2 แสนคน
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะความขัดแย้ง กระทรวงสาธารณสุข และหลายหน่วยงาน ช่วยแบ่งเบางานกทม. อย่างมาก ในการฉีดให้ประชาชน