หนีตาย ‘โควิด’ โศกนาฎกรรมข้ามโขง
ตราบใดที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในฝั่งขวายังสูงต่อเนื่อง จำนวนผู้ติดเชื้อในฝั่งซ้าย ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว อันเนื่องจากแรงงานลาวพากันหนีโควิด หนีตายกลับบ้านเกิด
อภิมหาวิกฤติโควิดไม่ได้กระทบแค่ประชาชนไทยเท่านั้น หากแต่แรงงานต่างชาติกว่า 2 ล้านคนที่อยู่ในบ้านเรา ก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
วันที่ 13 ก.ค.2564 คณะรัฐมนตรีมีมติผ่อนผันให้แรงงานต่างชาติอยู่ในประเทศไทยต่อไปได้เป็นกรณีพิเศษ วันเดียวกัน มี“เอกสารหลุด”จากกระทรวงแรงงาน เรื่อง“แจ้งยกเลิกโครงการให้ความช่วยเหลือคนต่างด้าวด้านสาธารณสุข”ถูกเผยแพร่และแชร์ต่อกันในโซเชียลมีเดีย
แม้จะมีผู้รับผิดชอบในกระทรวงแรงงาน ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว แต่ในความเป็นจริง แรงงานต่างด้าวก็ถูกทิ้งไว้ในแคมป์คนงาน หรือในหอพัก บ้านเช่า หากใครติดเชื้อโควิดก็ต้องรักษาตัวเองตามยถากรรม
ดั่งโศกนาฎกรรมของชายวัย 49 ปี บ้านหนองบัวท่า เมืองสองคอน แขวงสะหวันนะเขต เขาจากบ้านเกิดข้ามโขงมาเสี่ยงโชคในกรุงเทพฯ และรับจ้างขายอาหารอยู่ที่ตลาดแห่งหนึ่ง
วันที่ 9 ก.ค.2564 ชายชาวลาวคนนี้ ตรวจพบเชื้อโควิด ต้องนอนรออยู่ในบ้านเช่า เพราะโรงพยาบาลสนาม ไม่มีเตียง อีกอย่างเขาเป็นแรงงานต่างด้าว จึงเคว้งคว้าง ไร้ความหวัง เขาจึงตัดสินใจขอกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด
วันที่ 13 ก.ค.2564 เขาเดินทางมุ่งหน้าสู่ จ.มุกดาหาร ประสานกับด่าน ตม.สะพานมิตรภาพ แห่งที่ 2 ขอข้ามไปรักษาตัวที่แขวงสะหวันนะเขต โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำแขวง มารอรับตัวที่ฝั่งลาว จากนั้น เจ้าหน้าที่ลาวได้นำตัวเขาสู่โรงพยาบาลสนาม ตรวจหาเชื้ออีกครั้ง และเวลานั้น เขามีอาการไอ หายใจไม่สะดวก และถ่ายท้อง
วันที่ 16 ก.ค.2564 อาการป่วยของเขาหนักขึ้น เริ่มไม่มีสติ สุดกำลังที่แพทย์-พยาบาลจะยื้อชีวิตเขาไว้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นรายที่ 5 ของประเทศลาว ที่เสียชีวิตจากโควิด
ทุกวันนี้ มีชาวลาวที่มาขายแรงอยู่ในไทย ต่างทยอยกลับบ้านเกิด ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน สปป.ลาว เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จากเดิม สปป.ลาว ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดในชุมชนมาหลายเดือนแล้ว
วันที่ 22 ก.ค.2564 กระทรวงสาธารณสุขลาว แถลงข่าวพบติดเชื้อรายใหม่ 256 คน ทั้งหมดเป็นแรงงานลาวที่กลับไปจากไทยทั้งสิ้น โดยยอดผู้ติดเชื้อแตะหลักร้อยมา 3-4 วันแล้ว ขณะนี้ มีแรงงานลาวอยู่สถานที่กักตัว 14 วัน ประมาณ 6 พันคน
ยอดผู้ติดเชื้อรายวัน 256 คน และอาจเพิ่มสูงขึ้นมากกว่านี้ สำหรับประเทศที่มีประชากร 7.6 ล้านคน ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย และมีข้อมูลที่น่าเป็นห่วง แรงงานลาวที่เข้าสู่การกักตัวนั้น ร้อยละ 15 พบว่า ติดเชื้อโควิด และในกลุ่มผู้ติดเชื้อพบเป็นสายพันธุ์เดลต้า ร้อยละ 90
ด้วยเหตุนี้ท่านพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาวที่แถลงเกี่ยวกับการสืบต่อปฏิบัติ มาตรการสกัดกั้น และต้านการระบาดของโควิด-19 เมื่อไม่นานมานี้ ได้ให้ความสำคัญกับแรงงานลาวที่ออกไปทำงานในประเทศใกล้เคียง
ถ้าแรงงานคนใดต้องการกลับคืน สปป.ลาว ก็ให้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถึงแม้ว่า เวลาออกไปต่างประเทศ จะลักลอบออกไปก็ตาม แต่เวลากลับคืนเข้ามา ขอให้กลับมาอย่างถูกต้อง
“รัฐบาลลาว ถือว่าการเดินทางเข้าประเทศอย่างถูกต้องนั้น เป็นการกระทำที่รักชาติ รักบ้านเกิดเมืองนอนของตนอย่างแท้จริง”
สิ่งที่รัฐบาลกังวลมากที่สุดคือ แรงงานลาวที่เข้าไปทำงานในไทยแบบผิดกฎหมาย จะลักลอบข้ามโขง และกลับคืนสู่หมู่บ้าน อาจนำเอาเชื้อโควิดไปแพร่ในชุมชน
ดังนั้น ตม.ลาว จึงมีนโยบายผ่อนผันไม่ดำเนินคดี ไม่ปรับไหม ขอแต่มารายงานตัว เพื่อเข้าศูนย์กักตัว ตรงกันข้ามบุคคลใดหากลักลอบเข้ามา จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย สปป.ลาว
ลึกๆ แรงงานลาวหวังที่จะได้ฉีดวัคซีนที่ดี อย่างจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ที่รัฐบาลลาวเพิ่งได้รับมา 1 ล้านโดส เป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นให้ตัดสินใจข้ามโขง
ตราบใดที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในฝั่งขวายังสูงต่อเนื่อง จำนวนผู้ติดเชื้อในฝั่งซ้าย ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว อันเนื่องจากแรงงานลาวพากันหนีโควิด หนีตายกลับบ้านเกิด