เปิดฉาก “อนาคตไทย” - “2 กุมาร + 1” ลุยพรรคใหม่
ในการเปิดตัวพรรคอนาคตไทยเร็วๆ นี้ อาจจะได้เห็นคณะก่อตั้งอย่าง นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และต้องลุ้นว่าจะมีคนกันเองอย่าง สุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีต รมต.สำนักนายกฯ อดีตเลขาฯ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือ วราเทพ รัตนากร จากค่ายพลังประชารัฐ
หลังแยกทางจากพรรคพลังประชารัฐ เมื่อกลางปี 2563 กลุ่ม 4 กุมาร “อุตตม-สนธิรัตน์-สุวิทย์-กอบศักดิ์” และที่ปรึกษาใหญ่ “ดร.สมคิด” ก็โลว์โปรไฟล์ แทบหายจากกระแส
ทว่าในห้วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เริ่มปรากฏความเคลื่อนไหว อย่างเปิดเผยของ 2 กุมาร “อุตตม-สนธิรัตน์” ส่งสัญญาณเตรียมกลับมาลุยการเมืองอีกรอบ
ชื่อพรรคใหม่ที่ถูกจับตาคือ “อนาคตไทย” ที่ล้อมาจาก สถาบันอนาคตไทยศึกษา หรือ Thailand Future ที่ ดร.อุตตม สาวนายน นั่งประธานคณะที่ปรึกษาแหล่งรวมกูรูผู้เชี่ยวชาญจากทุกวงการ
ข้อความที่ 2 กุมารสื่อสารกับสังคม ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 อุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลังและอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “ชวนทุกท่านร่วมมองหาโอกาสใหม่ๆ บนเส้นทางใหม่ๆ เพื่ออนาคตประเทศไทย กับผมและคุณสนธิรัตน์ ครับ” พร้อมกับคลิปภาพบรรยากาศ นั่งจิบกาแฟกันที่ร้านกาแฟริมแม่น้ำเจ้าพระยา คุยเรื่องบ้านเมืองกับ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงานและอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
ก่อนหน้านี้ เมื่อ 16 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ดร.อุตตม ก็ได้โพสต์ข้อความ “มาจิบกาแฟกันครับ... ก็ได้พูดคุยเรื่องอนาคตของประเทศ ซึ่งผมเชื่อว่าคนไทยคงคิดถึงเรื่องนี้กันมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ใกล้จะหมดปีแล้ว คิดว่าคนไทยต้องการเห็นโอกาสใหม่ๆ ต้องการมีความหวัง และเมื่อมีความหวัง ทุกคนก็จะสามารถร่วมกันสร้างความหวังนั้นให้เป็นความจริง ผมคงมีเรื่องมาแลกเปลี่ยนกันหลังปีใหม่อย่างแน่นอนครับ”
ขณะที่ สนธิรัตน์ ก็รับไม้ต่อว่า “คุยกันหลายเรื่องครับ มุมมองของเรา 2 คน ยังเป็นเรื่องอนาคตประเทศไทย แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อๆ ไปนะครับ”
ไม่ต้องตีความ ก็รู้ได้ว่า เป็นการเปิดหน้า เชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมทำงานการเมืองในนาม "พรรคอนาคตไทย" ที่เตรียมเปิดตัวหลังคริสต์มาส หรือหลังปีใหม่นี้
ปัจจุบันกลุ่ม 4 กุมาร เหลือสมาชิกอย่างเป็นทางการเพียงแค่ “2 กุมาร” ที่ยังมุ่งมั่นเดินเส้นทางการเมือง ส่วนอีก 2 กุมาร ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.การอุดมศึกษาฯ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ปลีกตัวออกจากสมาชิกกลุ่มไปแล้ว ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ก็ถอยฉากจากการเมืองอย่างสิ้นเชิง
ในทางลึก หลังจากออกจากพลังประชารัฐ “2 กุมาร+1 ที่ปรึกษา” ก็ยังเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ทั้งทาบทามนักการเมือง บุคคลในแวดวงต่างๆ มาร่วมทีม
มีการเจรจากับแกนนำพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคตั้งใหม่ ทั้งพรรคกล้า พรรคไทยสร้างไทย พรรครวมไทยยูไนเต็ด แต่ที่สุดดีล เงื่อนไข ยังไม่ลงตัว โดยเฉพาะข้อเสนอที่ชื่อ “ดร.สมคิด” ควรอยู่ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
ขณะที่บุคคลนอกวงการเมือง ที่ 2 กุมาร +1 พยายามดึงเข้ามาร่วมทีม จำนวนไม่น้อยก็ยังลังเล ไม่ตัดสินใจ ขอดูสถานการณ์ก่อน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องลงทุน ลงแรง ทำพรรคเป็นเรื่องใหญ่
อีกประเด็น ที่ถูกวิจารณ์ไม่น้อยคือ การเดินหมากการเมืองของ 2 กุมาร+1 ที่ยังใช้รูปแบบเดียวกับการร่วมก่อตั้งพลังประชารัฐ มีการเดินสายคุย ทาบทามบุคคลในแวดวงธุรกิจ การเมือง เพื่อระดมคนมาร่วมทำพรรคมาอย่างต่อเนื่อง แต่สาเหตุที่หลายคนก็ยังไม่ตอบรับ เพราะยังมองไม่เห็นความชัดเจนเรื่อง "ผู้นำพรรคตัวจริง" อย่าง ดร.สมคิด จะเปิดหน้า ประกาศตัวชิงเก้าอี้นายกฯ หรือไม่
เพราะ ดร.สมคิด ยังวางสถานะตัวเองอยู่เบื้องหลัง ยังเป็นที่ปรึกษา โดย 2 กุมารเดินสายออกหน้า ขณะที่ทั้งสองก็ยังมีภาพจำเป็นแค่ลูกน้อง ทั้งที่ ดร.สมคิด ก็อยู่ในวงเจรจาหารือหลายวง
ว่ากันว่า เมื่อถูกถามว่า ดร.สมคิด เข้าร่วมพรรคนี้ด้วยไหม แต่คำตอบที่ได้ ก็ยังไม่ชัด ขณะเดียวกันชื่อชั้นของ 2 กุมาร ก็ถูกมองว่า ยังไม่ใช่ระดับดาวฤกษ์ ยังไม่เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ จนสังคมจดจำ พอจะดึงดูดคนดีเด่นดังเข้ามาร่วมพรรคได้
ว่ากันว่า ระหว่างที่ยังขับเคลื่อนทีมเศรษฐกิจรัฐบาลประยุทธ์ หลังๆ นักธุรกิจผิดหวังกับ ผู้นำของกลุ่ม 4 กุมาร เพราะฟอร์มไม่เหมือนสมัยอยู่ในรัฐบาลทักษิณ ความเป็นนักมาร์เก็ตติ้ง ที่ไม่ใช่นักปฏิบัติ จึงมีเสียงสะท้อนจากผู้ยังไม่ตัดสินใจหลายรายมองว่า เป็นจุดอ่อนของทีม 2 กุมาร +1 หากจะทำพรรคใหม่ต้องปรับแก้
อย่างไรก็ตาม ในการเปิดตัวพรรคอนาคตไทยเร็วๆ นี้ อาจจะได้เห็นคณะก่อตั้งอย่าง นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และต้องลุ้นว่าจะมีคนกันเองอย่าง สุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีต รมต.สำนักนายกฯ อดีตเลขาฯ นายกฯยิ่งลักษณ์ หรือ วราเทพ รัตนากร จากค่ายพลังประชารัฐ
การเริ่มต้นตั้งพรรคใหม่ของทีม 2 กุมาร+1 ด้วยตัวเอง อาจจะเหนื่อยหนักในสถานการณ์นี้ ไม่เหมือนไปร่วมด้วยช่วยตั้งพรรคพลังประชารัฐ ที่มีทั้งทุนไม่อั้น มีทั้งทหารเป็นแผงอยู่ข้างหน้าข้างหลัง มีทั้งโครงสร้างอำนาจรัฐบาล คสช. แต่เที่ยวนี้เหลียวหลัง แลหน้า ก็มีแต่คนไม่กล้าตัดสินใจร่วมหัวจมท้าย จนกว่าจะมีข้อเสนอที่ยากปฏิเสธ
พิสูจน์อักษรโดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์