ถอดกลยุทธ์ Think Global,Act Local ศุภาลัยยึดหัวหาดต่างจังหวัดเจาะกำลังซื้อ
Think Global,Act Localกลยุทธ์‘ศุภาลัย’ ยึดหัวหาดต่างจังหวัดมานานกว่า 20จนถึงแท่นเป็นผู้นำตลาดที่สามารถต่อกรกับบรรดาเซียนในพื้นที่จนประสบความสำเร็จ แถมต้นทุนต่อหน่วยต่ำ สามารถทำราคาแข่งกับดีเวลลอปเปอร์ในพื้นที่ได้
เอ่ยชื่อของ “ศุภาลัย” แล้วเชื่อว่าต่อให้ไม่ได้อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ก็จะเคยได้ยินชื่อ เรียกได้ว่าเป็นบริษัทอสังหาฯ ครบเครื่องทั้งบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ก้าวสู่ปี 34 ประกาศ ผุด 37 โปรเจกต์มูลค่า 4.1 หมื่นล้านบาท ที่สุดทั้งจำนวนและมูลค่าตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ประเมินปัจจัยบวก ปัจจัยลบ ในปี 2566 เศรษฐกิจจะเติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง และกำลังซื้อจากต่างชาติจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะคนจีน ส่งผลดีต่อกำลังซื้อในประเทศในภาคบริการและการท่องเที่ยวนำร่อง
สำหรับ ศุภาลัย เตรียมขยายโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รองรับดีมานด์กลับเข้ามา โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 2-20 ล้านบาท เป็นทางเลือกให้ลูกค้า
ส่วนการลงทุนในต่างประเทศ มีออสเตรเลีย 12 โครงการ ใน 4 เมือง โครงการส่วนใหญ่อยู่ที่เมลเบิร์น ในรัฐวิคตอเรีย 8 โครงการ เมืองเพิร์ทมี 2 โครงการ เมืองบริสเบน รัฐควีนส์แลนด์ 2 โครงการ รวมมูลค่า 52,600 ล้านบาท ใช้เม็ดเงินลงทุนรวมของศุภาลัย 9,748 ล้านบาท อนาคตอาจขยายโครงการใหม่เพิ่มหากมีโอกาสที่เหมาะสม รวมถึงขยายการลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ทั้งในรูปแบบการซื้อหุ้นและร่วมทุน
“ถือเป็นการกระจายความเสี่ยง ทำให้ความเสี่ยงลดลง ส่วนความเสี่ยงเงินเฟ้อ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจที่ขยายตัว และคนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับความเสี่ยงทางการเงิน ดอกเบี้ยเพิ่ม หรือมีมาตรการแอลทีวีเข้ามา โดยรวมเศรษฐกิจขยายตัว จีดีพีโตได้ 3-4% คนซื้อบ้านเพิ่มขึ้นแน่นอน ยิ่งเรามีเงินมากขึ้น ทุนมากขึ้น ย่อมมีโอกาสที่ขายได้มากขึ้น”
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนธุรกิจอื่นๆ อาทิ Resort Housing ที่โครงการศุภาลัย ซีนิค เบย์ พูล วิลล่า ภูเก็ต Rental Office ที่โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร, Serviced Condo ในหลายโครงการ Home Office ที่ศุภาลัยแกรนด์ เอสเซ้นส์ @ ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์ Community Mall / Market ในหัวเมืองใหญ่ สนับสนุนการกระจายรายได้สู่ชุมชน และ Co-Working ชื่อว่า MEET & CO ที่อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ โดยมีสัดส่วน 5% จากยอดขาย
ประทีป ระบุว่า ศุภาลัยเป็นผู้นำในตลาดอสังหาฯ ต่างจังหวัดมากว่า 20 ปี จึงรู้ความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี แม้หลายคนจะบอกว่า การทำตลาดต่างจังหวัดยาก มีเจ้าพ่อเยอะ แต่เราทำได้ไม่มีปัญหา หลายคนไปทำ 1-2 โครงการเลิก! เพราะไม่เข้าใจตลาด วิธีคิดต้อง “Think Global, Act Local” ต้องเข้าใจคนท้องถิ่นเพื่อตอบโจทย์คนในแต่ละพื้นที่ เช่น ภาคใต้ฝนตกชุก คนไม่คุ้นเคยทำตลาดแบบแห้งๆ ห้องนอน ที่ภูเก็ต หาดใหญ่ จะใช้กระเบื้องเพื่อให้ทำความสะอาดง่าย เป็นต้น
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมว่า จุดแข็งศุภาลัยนอกเหนือจากเรื่องแบรนด์ คือ การได้มาซึ่งสินเชื่อบ้านในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เทียบบริษัทอสังหาฯ ที่ไม่ได้อยู่ในตลาด ห่างกัน 1-1.5% ทำให้ลูกค้าที่ซื้อบ้านจากศุภาลัย และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้บริษัทเติบโต คือ อัตราการกู้ไม่ผ่าน (Reject rate ) มีเพียง 11% เทียบ 2 ปีก่อนสูงถึง 16-17% ตัวเลขนี้เรียกว่าน้อยที่สุดในตลาด นอกจากนั้นลูกค้าของบริษัทมีสัดส่วน NPL น้อยที่สุดในตลาดเมื่อเทียบดีเวลลอปเปอร์รายอื่น
ปีนี้ บริษัทเตรียมเปิด 37 โครงการใหม่ เป็นแนวราบ 34 โครงการ มูลค่า 32,700 ล้านบาท คอนโด 3 โครงการ มูลค่า 8,300 ล้านบาท ซึ่ง 2 ใน 3 ของโครงการที่จะเปิด คือ แปลงสนามบินน้ำ และ ศุภาลัย ปาร์คเอกมัย-พัฒนาการ
ปัจจุบันเปิดโครงการในต่างจังหวัด 28 จังหวัด เตรียมบุกอีก 5 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง ลำพูน นครปฐม ราชบุรี และจันทบุรี เน้นพัฒนาแนวราบระดับ 10-30 ล้านบาทมากขึ้น จากปีที่ผ่านมาได้เปิดแบรนด์“เอเลแกนซ์" เป็นเรือธง
ปี 2565 บ้านราคา 10-20 ล้าน ของศุภาลัยขายได้เพิ่มขึ้นถึง 155% เทียบปี 2564 ระดับราคา 20 ล้านขึ้นไปขายได้เพิ่มขึ้นถึง 157% สะท้อนว่า กลุ่มบ้านลักชัวรียังคงมีดีมานด์ต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายปี 2565 สูงถึง 32,433 ล้านบาท เติบโต 35% ส่วนปี 2566 ตั้งเป้ายอดขาย 36,000 ล้านบาท และรายได้ 36,000 ล้านบาท