ดีมานด์เช่า-ซื้ออสังหาฯฟื้น‘อีอาร์เอ’ดึง CHAT GPTช่วยนักขายหน้าใหม่
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่าตัวเลขอสังหาฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่จำนวน 1.2 ล้านยูนิต มูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท เป็นซัพพลายที่พร้อมรองรับดีมานด์ “เช่า-ซื้อ” อสังหาฯ ลูกค้าคนไทยและต่างชาติที่กลับมาหลังโควิด-19
‘อีอาร์เอ’ดึง CHAT GPTช่วยนักขายหน้าใหม่
วรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนขายอสังหาฯ กล่าวว่า ได้ทรานฟอร์มธุรกิจภายใต้แนวคิด “Enrich lives, Embrace Tech” เติมเต็มชีวิตนักขายอสังหาฯ ด้วยเทคโนโลยีโลกอนาคต รองรับการแข่งขัน และเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว จากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็น “โอกาส” จากแรงซื้อต่างชาติที่กลับเข้ามา
"อสังหาฯ ไทยได้เปรียบเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม หรือสิงคโปร์ ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สำคัญราคาถูกกว่าสิงคโปร์ ทำให้ชาวต่างชาติต้องการซื้ออสังหาฯ เพื่อลงทุน หรือเป็นบ้านหลังที่สอง"
พร้อมกันนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้วยการนำ Ai Lab ซึ่งพัฒนาโดย ERA Asia Pacific มีทั้งหมด 10 โมดูลที่จะช่วยให้การทำงานของตัวแทนง่ายขึ้น เช่น การเขียนโฆษณา การแปลงเป็นภาษาต่างๆ ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะนักขายหน้าใหม่ที่เข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการเข้าถึงคนต่างชาติด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
ตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาERA Asia Pacific ได้นำ Chat GPT มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจซื้อขายอสังหาฯ ในประเทศต่างๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม กัมพูชา ลาว และไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับตัวแทนขายผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เริ่มต้น 2 โมดูล
“เทคโนโลยีแทนเราไม่ได้ แต่เราใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ก้าวทันโลก อีอาร์เอ นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยนำ Chat GPT หรือ Chatbot Generative Pre-trained Transformer มาใช้”
บริษัทยังนำโปรแกรม “VR PRO” ซึ่งสามารถแสดงภาพเสมือนจริงของทรัพย์แต่ละประเภทได้ละเอียดทุกพื้นที่ ทำให้ลูกค้าทุกมุมโลกเข้าดูทรัพย์และสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่จริง เพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลา ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสในการซื้อหรือเช่าขายอสังหาฯ ง่ายขึ้น
“แม้สถานการณ์การเมืองและการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่แน่นอน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้บริโภค แต่ความต้องการซื้ออสังหาฯ กลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาความต้องการสูงถึง 30% แต่บริษัทติดปัญหาสินค้าที่มีอยู่ขณะนี้ไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค"
ทั้งนี้ ความต้องการซื้ออสังหาฯ ระดับราคา 10-15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการขยายครอบครัวของกลุ่มลูกค้า ซึ่งบริษัทมีสินค้าไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า จึงต้องเร่งขยายแฟรนไชส์และตัวแทนขายเพื่อหาสินค้าเข้ามารองรับ
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการขายบ้านเดี่ยว 36% คอนโดมิเนียม 25% ทาวน์โฮม 10% ที่เหลือเป็นอสังหาฯ ประเภทอาคารพาณิชย์ ปีนี้ตั้งเป้าหมายมีตัวแทนขาย 3,000 คน ขยายสาขาครบ 50 สาขา คาดมีมูลค่ายอดขายรวม 6,000 ล้านบาทในปีนี้