ชาญอิสสระสปีดไตรมาส4ผุด3โครงการใหม่กทม.-หัวหิน-ภูเก็ตมูลค่า8พันล้าน
ชาญอิสสระ เหยียบคันเร่งไตรมาส4 ผุด 3 โครงการใหม่กทม.-หัวหิน-ภูเก็ต มูลค่า 8 พันล้านล่าสุดเผยโฉมโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ครั้งแรก!! เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ นักลงทุน ExpatและDigital Nomad
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลกระทบจากปัจจัยสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่สงบ และล่าสุดเกิดการสู้รบระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตล์นั้นทำให้ประเทศไทยได้อานิสงส์ด้านการท่องเที่ยวและภาคอสังหาฯจากการหนีภัยสงครามของกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
รวมทั้งนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่งผลดีต่อธุรกิจด้านการเที่ยวในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 2 โครงการ มูลค่า4,000 ล้านบาทโดยในไตรมาส 4/2566 บริษัทจะเปิด3โครงการ ในกรุงเทพฯ หัวหิน และภูเก็ตมูลค่า8,000 ล้านบาท
โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการ ดิ อิสสระ สาทร มูลค่า2,500ล้านบาท บน ถนนจันทน์-สาทร มี 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต ราคา 5.59-36.66 ล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยจริง-นักลงทุน Expat และ Digital Nomad โดยจะสามารถเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ได้ในปี 2566 ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% มาจากคนไทย 90% ที่เหลือ 10% เป็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย หากปล่อยเช่า ราคาเริ่มต้นที่ 17,000 บาทต่อเดือน และการันตีผลตอบแทนจากลงทุน 6-7%ต่อปี คาดว่าจะปิดการขายกลางปี 2568 และอีกโครงการที่เริ่มโอน คือ ศศรา หัวหิน เป็นคอนโดสูง 4 ชั้นจำนวน 5 อาคาร 110 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท
นายสงกรานต์ กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 คาดว่าจะทรงตัวเท่ากับปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,175.50 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 199.77 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว แม้ว่าธุรกิจโรงแรมจะดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรม30-40% ของรายได้รวม
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการมองหาที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน โดยเฉพาะย่านใจกลางเมือง ว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมที่สามารถตอบโจทย์ความสะดวกสบายทั้งในเรื่องการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลาในการเดินทาง และมีเวลาได้ใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเอง ซึ่งที่อยู่อาศัยจึงต้องเป็นมากกว่าที่พัก สามารถเป็นสถานที่ที่ครบครันด้วยการมีพื้นที่ที่มี Lifestyle ปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานให้เป็นสถานที่เป็น Workplace เป็น Extreme Lifestyle and Health Conscious ดังนั้น โปรดักส์ที่มีความแตกต่าง มีความเป็น Quite Luxury and Cozy Condo จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มผู้บริโภคในยุคนี้ ซึ่งในปัจจุบัน Supply คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยังมีอยู่น้อย เมื่อเทียบกับ Demand ที่มีอยู่
“สิ่งที่น่าจับตามองอีกประการนอกจากเรื่องทำเล ไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์แล้ว ขนาดของพื้นที่ห้องเป็นอีกหนึ่งปัจจัย โครงการที่พัฒนาขนาดห้องให้มีขนาดใหญ่ จำนวนยูนิตไม่เยอะ จะเป็นจุดสนใจให้แก่กลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะทำเลที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ ที่คาดหวัง Turnover จากผู้ปกครอง รวมถึงโซนที่ตั้งอาคารสำนักงาน ที่กลุ่ม Expat ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต่างก็มองหาห้องขนาดใหญ่ในทำเล Prime Area ใจกลางเมือง” นางนลินรัตน์ กล่าว