คอนโดกทม.-ชลบุรีเนื้อหอม!จีน-เมียนมา-รัสเซีย ซื้อมากสุด

คอนโดกทม.-ชลบุรีเนื้อหอม!จีน-เมียนมา-รัสเซีย ซื้อมากสุด

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยตัวเลขโอนกรรมสิทธิ์คอนโดต่างชาติ9 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่า5.1หมื่นล้าน กทม.-ชลบุรี มีสัดส่วนจำนวนหน่วยและมูลค่ารวมกัน สูงสุด สัญชาติที่ซื้อมากสุด จีน-เมียนมา-รัสเซีย

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รายงาน สถานการณ์โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด /คอนโดมิเนียมของคนต่างชาติทั่วประเทศ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 พบว่า การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจน โดยมีจำนวนหน่วยโอนทั้งสิ้น 3,756 หน่วย เพิ่มขึ้น 11.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการห้องชุดจากต่างชาติที่ยังคงขยายตัวได้ดี แม้ว่ามูลค่าการโอนจะเพิ่มขึ้นไม่มากนักที่ 8.9% หรือ 18,571 ล้านบาท

    การเติบโตนี้สอดคล้องกับภาพรวมของการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) ที่มีจำนวนหน่วยโอนทั้งหมด 11,036 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.1% คิดเป็นมูลค่า51,458 ล้านบาทแม้ว่ามูลค่าการโอนจะลดลงเล็กน้อยที่ 1.5% แต่สัดส่วนของมูลค่าการโอนกลับเพิ่มขึ้น 24.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นว่ามูลค่าเฉลี่ยของห้องชุดที่คนต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์มีแนวโน้มสูงขึ้น

กรุงเทพฯ และชลบุรียังคงเป็นจุดศูนย์กลางการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจากคนต่างชาติ โดย2จังหวัดนี้รวมกันมีสัดส่วนถึง 74.7% ของจำนวนหน่วยที่โอนและ 80.7% ของมูลค่าการโอนทั่วประเทศ สะท้อนถึงความนิยมในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติในประเทศไทย ซึ่ง 5 อันดับแรก ที่ได้รับความนิยมได้แก่ กรุงเทพฯ  ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ และสมุทรปราการ ตามลำดับโดยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่ กทม. และ ชลบุรี ทั้ง 2 จังหวัดรวมกันมีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกันถึง 74.7% และมูลค่ารวมกัน 80.7% ของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศ

คอนโดกทม.-ชลบุรีเนื้อหอม!จีน-เมียนมา-รัสเซีย ซื้อมากสุด

สำหรับสัญชาติที่มีสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด ยังคงเป็น"ชาวจีน" ที่มีสัดส่วนถึง 39.7% ของจำนวนหน่วยและ 39.3% ของมูลค่าการโอนตามลำดับ ส่วนกลุ่มชาติอื่นๆ ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นมากในปีนี้ ได้แก่ เมียนมา ซึ่งมีการเติบโตสูงถึง 202.6% ในจำนวนหน่วย และ 142.9% ในเชิงมูลค่า

การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมตามสัญชาติ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ได้ดังนี้

อันดับ 1 จีน จำนวน 4,386 หน่วย มูลค่า 20,201 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 4.6 ล้านบาท/หน่วย

อันดับ 2 เมียนมา จำนวน 1,050 หน่วย มูลค่า 5,463 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 5.2 ล้านบาท/หน่วย

อันดับ 3 รัสเซีย จำนวน 800 หน่วย มูลค่า 2,750 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.4 ล้านบาท/หน่วย

อันดับ 4 ไต้หวัน จำนวน 612 หน่วย มูลค่า 3,166 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 5.2 ล้านบาท/หน่วย

อันดับ 5 สหรัฐอเมริกา จำนวน 436 หน่วย มูลค่า 2,297 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 5.3 ล้านบาท/หน่วย

การโอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างชาติในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงตลาดที่ยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ และชลบุรี ที่เป็นทั้งทำเลที่อยู่อาศัยและการลงทุนหลักสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มองหาทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในอนาคต