ลลิลชี้รังสิตทำเลยอดนิยมของคนซื้อบ้าน
ลลิล ชี้รังสิตยังเป็นหนึ่งในทำเลยอดนิยมของคนซื้อบ้านทุ่มงบกว่า 1,000 ลบ.เปิดโปรเจค‘ไลโอ วงแหวนฯ รังสิต - คลอง 4’หวังกวาดกำลังซื้อส่งท้ายปี 65 ล่าสุดสามารถปิดการขายโครงการเฟสแรกใน1 เดือนพร้อมเร่งขยับแผนเปิดเฟส 2 ต่อหวังกวาดกำลังซื้อส่งท้ายปี65
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญด้านการพัฒนาโครงการที่มากด้วยคุณภาพป้อนสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะมีการผันผวน แต่กำลังซื้อในกลุ่มนี้ยังคงแสดงให้เห็นว่า ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยยังเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวโครงการใหม่ที่เน้นลูกค้า Real Demand เติมเต็มกำลังซื้อดังกล่าว โดยล่าสุดได้เปิดตัวโครงการทาวน์โฮม ไลโอ วงแหวนฯ รังสิต - คลอง 4 บนเนื้อที่กว่า 40 ไร่ รวม 475 ยูนิต มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
“ทำเลย่านวงแหวนฯ รังสิต - คลอง 4 ถือเป็นเมืองแห่งใหม่ที่มีความครบครันไปด้วยสาธารณูปโภคต่างๆ โดยเฉพาะหัวใจสำคัญของการซื้อที่อยู่อาศัยนั่นคือ ศักยภาพทางด้านการคมนาคม ซึ่งทำเลนี้ถือเป็นทำเลอันดับต้นๆ ที่ผู้ซื้อบ้านนิยมมาเฟ้นหาและจับจอง"
เนื่องจากสามารถเข้า-ออกเมืองได้อย่างรวดเร็วสะดวกสบาย ทำให้เดินทางเชื่อมต่อระหว่างบ้านและที่ทำงานได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (วงแหวนกาญจนาภิเษก), ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) หรือแม้กระทั่งยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดง (อนาคต) และรถไฟฟ้าสายสีเขียว(คูคต) ซึ่งตอบโจทย์ชีวิตของคนเมืองที่ยังต้องการพื้นที่ในการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมองถึงเรื่องความสะดวกในการเดินทาง สามารถรับ-ส่งลูกหลานไปสถานศึกษาที่ไม่ต้องใช้เวลานาน เพื่อประหยัดเวลาและลดการใช้พลังงานเกินความจำเป็นมาให้อีกด้วย ประเด็นสำคัญเหล่านี้แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย
"แต่ลลิลให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะผู้อยู่อาศัยต้องพบกับปัจจัยเหล่านี้ในทุกวัน หากเราช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นเช่นนี้ได้ จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น และมีความสุขกับการอยู่อาศัยที่ลงตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า"
ทั้งนี้ โครงการไลโอ วงแหวนฯ รังสิต - คลอง 4 เป็นทาวน์โฮมคุณภาพ ตั้งอยู่บนถนนสายหลักรังสิตคลอง 4 โดดเด่นด้วย French Colonial Style มาพร้อมดีไซน์ที่ลงตัว มีฟังก์ชันการใช้งานที่ยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ สอดรับกับชีวิตในยุค New Normal โดยสามารถปรับเปลี่ยนห้องอเนกประสงค์ให้เป็นห้อง Work From Home / Study Online หรือแม้กระทั่งปรับมาเป็นห้องผู้สูงอายุรับสังคมสูงวัยในอนาคตได้อีกด้วย
"1 เดือนหลังจากเปิด Soft Opening สามารถปิดการขายโครงการในเฟสแรก และเปิดขายในเฟส 2 เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ ถือเป็นอีกความสำเร็จในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 "