อภิศิลป์ ตรุงกานนท์ ผู้ชายหลังบ้านพันทิป

อภิศิลป์ ตรุงกานนท์ ผู้ชายหลังบ้านพันทิป

อภิศิลป์ ตรุงกานนท์ จากเด็กเนิร์ดคอมพิวเตอร์ที่เกือบโดนรีไทร์ ผ่านชีวิตบทเรียนชีวิตวัยรุ่น สู่ผู้บริหารเว็บบอร์ด pantip.com ที่ฮอตสุดของไทย

จากเด็กเนิร์ดคอมพิวเตอร์ที่เกือบโดนรีไทร์ สู่ผู้บริหารเว็บบอร์ด pantip.com ที่ฮอตสุดของไทย “อภิศิลป์ ตรุงกานนท์” ในวัย 37 เป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี แต่ก่อนหน้านั้น ชีวิตวัยรุ่นของเขาผ่านบทเรียนมากมาย หลอมรวมและพัฒนาไปข้างหน้าจนถึงปัจจุบัน

“เนิร์ด” เป็นคำจำกัดความของอภิศิลป์ เด็กใส่แว่นตั้งแต่ยังเรียนชั้นประถม เพราะอยู่กับการ์ตูน เกม ที่ตอนนั้นติดมากคือ เกมมาริโอ รู้สึกว่าคนสร้างเกมเก่ง ถ้าสามารถสร้างได้เองก็คงดี ตอนช่วงประถม 6 เริ่มได้จับคอมพิวเตอร์จากที่เรียนในห้องเรียน ครูสอนให้เขียนโปรแกรมภาษาโลโก้ โดยป้อนคำสั่งให้เต่าเดินหน้าหรือถอยหลัง จุดประกายให้รู้ว่าเด็กก็สามารถควบคุมซอฟต์แวร์ได้

“ช่วงมัธยม นับเป็นช่วงของการค้นหาตัวเอง ครอบครัวชนชั้นกลาง พ่อแม่ก็จะให้ลองหลายๆ อย่างเพื่อให้รู้ว่า ถนัดอะไร ชอบอะไร ตอนนั้นเรียนหลายอย่างทั้งดนตรีและกีฬา ปรากฏว่าชอบทุกอย่างที่ได้เรียนทั้งอิเล็กโทรนและว่ายน้ำ แถมยังทำได้ดีด้วย แต่ผมจะไม่มีทักษะเลยกับลูกกลมๆ อย่างฟุตบอลหรือบาสเกตบอล”

พอมัธยม 1 คุณพ่อซื้อคอมพิวเตอร์มาไว้ใช้งาน แล้วส่งลูกไปเรียนเขียนโปรแกรมทั้งเรื่องพื้นฐาน ภาษาปาสคาล ภาษาซี ฯลฯ และลองเขียนเองโดยดูจากหนังสือคู่มือ กระทั่งสามารถสร้างโปรแกรมบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเองแบบง่ายๆ หลังจากนั้นก็ลองเขียนโปรแกรมมาเรื่อยๆ พร้อมกับคิดโจทย์เพื่อท้าทายตัวเอง จนถึงมัธยมปลาย โรงเรียนอัสสัมชัญมีชมรมคอมพิวเตอร์ ได้เจอเพื่อนที่ชอบเหมือนกัน โรงเรียนก็จัดหาครูมาสอนทักษะเรื่องคอมพิวเตอร์ อีกทั้งช่วงมัธยม 5 มีโอกาสเข้าร่วมค่ายคณิตศาสตร์โอลิมปิกของ สสวท. และได้โควต้าเข้าเรียนสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ชีวิตนิสิตปีที่ 1 เขาใช้ชีวิตท่องโลกอินเทอร์เน็ตในห้องคอมพิวเตอร์มากกว่าห้องเรียน ผลคือเทอมแรกได้เกรด 1.75 และลดลงไปที่ 1.62 ในเทอมที่ 2 แต่ในระหว่างนั้นก็พัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง โดยลองทำโปรแกรมส่งเพจเจอร์ จากเดิมที่ต้องโทรบอกคอลล์เซนเตอร์ให้พิมพ์ให้ โดยจำกัดไม่เกิน 70 ตัวอักษร ก็สร้างโปรแกรมให้สามารถพิมพ์ส่งเพจเจอร์ทุกค่าย ไม่จำกัดจำนวนคำและส่งได้ทีละหลายเบอร์ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในมหาวิทยาลัยแล้วก็แพร่หลายออกไปนอกมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังเขียนโปรแกรมส่งอีการ์ด รายแรกของไทย ที่คนต่างชาติเข้ามาใช้และเป็นที่นิยมมาก ทำให้มีโอกาสได้ไปทำอีการ์ดให้กับภาพยนตร์เรื่อง “2499 อันธพาลครองเมือง” ภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีเว็บไซต์สำหรับภาพยนตร์

“ช่วงเวลานั้น ถือเป็นการเติมเต็มความฝันวัยเด็ก โดยในช่วงปีที่ 2-3 ก็เริ่มเรียนภาษา html, java script ก็นำมาต่อยอดเขียนเกม เน้นกลุ่มพัซเซิล (Puzzle) ซึ่งมีเกมหนึ่งที่ยากมากคือ เกมเพชร ที่มีลักษณะเหมือนเกมเตอร์ติส (Tretis) ที่ความท้าทายคือ ต้องสร้าง Chain Reacton เมื่อเพชรเรียงกันตั้งแต่ 3 เม็ดขึ้นไป และเกิดเพชรตกลงมาเป็นแพ็ค”

อภิศิลป์ บอกว่า ทำแล้วก็อยากให้มีคนเล่นจึงนำเสนอไปที่นิตยสารคอมพิวเตอร์ ทางนักเขียนก็ช่วยเขียนแนะนำ แต่ก็ยังไม่นิยม แต่ถือเป็นบทเรียนที่จะพัฒนาทักษะให้เพิ่มขึ้น ปลายปี 2539 ได้รับอีเมล [email protected] ที่ชวนให้เข้าเว็บ Pantip สิ่งแรกที่เห็นคือ ข่าวไอที และเซคชั่นการซื้อขายคอมพิวเตอร์ แต่ตอนนั้นไม่ได้เข้าไปเล่น เพราะเป็นช่วงสอบ จนต้นปี 2540 กลับเข้าไปดูอีกครั้ง มีเว็บบอร์ด Technical Chat เพิ่มขึ้นมา

เวลาผ่านไปเมื่อพันทิปโตขึ้น และเกิดเหตุ “ตัวป่วน” มาตั้งกระทู้ซ้ำๆ กันเป็นร้อยกระทู้แล้วดันกระทู้ของคนอื่นตกหน้าจอไป ด้วยความเสียดายกระทู้ดีๆ เขาจึงเขียนโปรแกรมป้องกันการคลิกตั้งกระทู้ซ้ำๆ แล้วส่งโปรแกรมนี้ไปให้คุณวันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้ก่อตั้งเว็บพันทิป แต่แน่นอนว่า การเรียนชั้นปีที่ 2 นอกจากจะเริ่มทำพันทิป ก็ต้องปรับกระบวนการเรียนด้วยเพื่อฉุดเกรดในปีที่ 1 อภิศิลป์ให้เวลากับการเรียนในช่วงวันธรรมดา และทำส่วนของพันทิปในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ การเรียนก็ดีขึ้น

แรงบันดาลใจในการพัฒนาสิ่งใหม่ของเขาคือ Pain Point หรือความไม่สะดวกสบายบางอย่างที่คนพบเจอ ทำให้พยายามคิดว่า จะใช้เทคโนโลยีอะไรมาแก้ปัญหาได้บ้าง เช่น ถ้าป่วยเป็นมะเร็ง จะไปหาหมอคนไหน ถ้าเสิร์ชข้อมูลจะเจออะไรบ้าง จะมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้รู้ได้ไหมว่า หมอคนไหนเก่งเรื่องอะไร ตอนนี้ที่ใช้บ่อยๆ คือ เฟซบุ๊ค จีเมล์ และพันทิป เพราะชีวิตประจำวันก็อยู่กับโซเชียลมีเดีย แต่ถ้าไม่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็จะทำอาหาร เพราะเวลาเข้าไปห้องก้นครัวในพันทิปจะเจอกระทู้เมนูอาหารที่น่าสนใจ จึงเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีที่จะเข้าครัวทำกับข้าวกินเอง โดยทำตามกระทู้นั้น

“เรื่องไอที ผมมองว่า นอกจากเรื่องรายได้เลี้ยงตัวเอง ความรู้ สาระ และความท้าทายแล้ว สิ่งสำคัญคือ เทคโนโลยีช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนในสังคม เช่น พ่อแม่ที่นัดรับลูกที่หน้าโรงเรียน อันนี้เป็น Pain Point ของเราเมื่อก่อนนะ กว่าจะหากันเจอนานทีเดียว แต่ตอนนี้ ง่ายเลย โทรบอก ไลน์หาก็ได้”

ตอนนี้ ใครจะคิดว่า รถขับเองได้ก็มีแล้ว ตอบ Pain Point คนจำนวนมากได้อีก ดังนั้นอีกไม่กี่ปีเราอาจจะดาวน์โหลดความรู้เข้าสมองเลยก็ได้ หลายอาชีพอาจจะไม่มีอีกต่อไปเพราะคอมพิวเตอร์เข้ามาแทนที่