ทหารอียิปต์-ลูกทูต บทเรียนสู้โควิด
เหตุการณ์ทหารอียิปต์ตรวจพบป่วยโควิด-19 มีประวัติออกนอกโรงแรมที่พัก และลูกสาวอุปทูตซูดาน ติดเชื้อโควิด-19 แต่ครอบครัวไม่ได้กักตัว ทั้งหมดนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในการต่อสู้กับมฤตยูร้ายโควิด ผู้มีอำนาจต้องทบทวนการทำงาน เรียนรู้เพื่ออุดช่องโหว่
กรณีทหารอียิปต์ตรวจพบป่วยโควิด-19 มีประวัติออกนอกโรงแรมที่พักและเดินห้างสรรพสินค้าใน จ.ระยอง กับเด็กวัย 9 ขวบลูกสาวอุปทูตซูดาน ติดเชื้อโควิด-19 แต่ครอบครัวไม่ได้กักตัว เพราะได้สิทธิพิเศษตามข้อบังคับของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) สร้างความปั่นป่วนไปทั้งประเทศ กระทั่งวานนี้ (14 ก.ค.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้นำประเทศระบุว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ จ.ระยอง ทหารคนดังกล่าวฝ่าฝืนออกนอกพื้นที่ ไม่เคารพกติกาไม่คิดถึงส่วนรวม แต่เกิดขึ้นแล้วไม่ควรโทษกันไปมา
นายกฯ ในฐานะ ผอ.ศูนย์โควิด ขอโทษและขอรับผิดชอบ การหาวิธีการปิดจุดอ่อนความหละหลวมต่างๆ เบื้องต้นสั่งระงับเที่ยวบินจากประเทศอียิปต์ และจะไม่มีการอนุมัติให้เดินทางเข้ามาจนกว่าปัญหาจะถูกแก้ไข มีการทบทวนสิทธิพิเศษกลุ่มคณะทูตวีไอพีแขกของรัฐบาล พร้อมชะลอแผนเดินทางกลับของคนไทยในต่างประเทศ ทั้งหมดนี้จะดำเนินการจนกว่าจะพ้น 14 วัน หรือหลังจากปลอดภัยว่าไม่มีผู้ติดเชื้อเกี่ยวเนื่อง และจะมีผลต่อมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ว่ามีความจำเป็นหรือไม่
สิ่งที่ตามมาคือความเสียหายทุกมิติ โดยเฉพาะเศรษฐกิจการท่องเที่ยว โครงการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำเป็นต้องเลื่อนไม่มีกำหนด วันนี้ (15 ก.ค.) ยังเป็นวันแรกที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์เพื่อจองห้องพักผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ต้องลุ้นกันเหนื่อย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกอาการน่าเป็นห่วง ล่าสุดผู้ประกอบการจังหวัดระยองแจ้งว่ามีการยกเลิกการจองสถานที่จัดงานและจัดสัมมนาแล้วเกือบ100% การจองห้องพักช่วงวันหยุดยาวสิ้นเดือนได้ถูกยกเลิกไปจำนวนมาก
ผลกระทบยังส่งผลทำให้แรงงานที่หยุดไปก่อนหน้าและเตรียมกลับเข้ามาทำงานใหม่ วันนี้ถูกปฏิเสธอีกครั้ง นายจ้างหลายแห่งให้แรงงานเหล่านี้รอสถานการณ์ไปอีกอย่างน้อย 14 วัน หรือจนกว่าจะชัดเจนว่าไม่พบการระบาดระลอก 2 นั่นคือมั่นใจได้ว่ารัฐบาลจะไม่มีการล็อกดาวน์รอบใหม่ เราเห็นด้วยกับบทบาทนายกรัฐมนตรีที่ออกมาแอ่นอกรับผิดชอบด้วยความสงบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ในเชิงบวกหรือลบมากเกินไป ไม่มีดราม่าให้โลกออนไลน์นำไปขยายผล จากนี้เมื่อครบ 14 วันหรือสิ้นเดือน ก.ค. ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของโควิดในไทยอีกครั้ง
หากไม่พบผู้ติดเชื้อจากทหารอียิปต์และลูกสาวทูตซูดาน เชื่อว่าการแก้ปัญหาโควิดโดยใช้กลุ่มแพทย์เป็นกำลังหลักจะเดินหน้าได้ต่อเนื่อง เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นครูในการต่อสู้กับโรคร้ายที่ยังไม่รู้ว่าจะสงบลงเมื่อไหร่ เราเห็นว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญในการต่อสู้กับมฤตยูร้ายโควิด ไม่อาจโทษต่างชาติทั้ง 2 ราย ซึ่งไม่อยากเป็นคนป่วยแต่เพียงฝ่ายเดียว ผู้มีอำนาจของเราก็ต้องทบทวนการทำงาน เรียนรู้เพื่ออุดช่องโหว่ในอนาคต สำหรับประชาชนคนไทยจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างมีสติ ต้องดูแลตัวเองให้เข้มงวด มากกว่าที่ผ่านมา