สธ.ให้กลุ่มสูตรไขว้ ฉีดวัคซีนเข็ม3 ได้ตั้งแต่ธ.ค.นี้

สธ.ให้กลุ่มสูตรไขว้ ฉีดวัคซีนเข็ม3 ได้ตั้งแต่ธ.ค.นี้

“อนุทิน”เผยเปิดประเทศสัปดาห์ที่ 6 ยังไม่มีปัญหาอะไรที่น่ากังวล คาดปี 65 สถานการณ์ค่อยๆดีขึ้น  สธ.เริ่มฉีดวัคซีนเข็ม 3 กลุ่มสูตรไขว้ครบถึงเดือนส.ค. เริ่มเข้าบูสเตอร์โดสได้ตั้งแต่ธ.ค.นี้ ย้ำวัคซีนโควิด-19ประสิทธิภาพยังป้องกันป่วยหนัก-เสียชีวิตได้


      เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่กระทรวงสาธรณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขว่า ความคืบหน้าเรื่องสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยนั้น จากที่wทยสามารถตรวจเจอชาวอเมริกันเดินทางมาจากประเทศสเปน ผ่านดูไบติดเชื้อโอมิครอน  ซึ่งได้นำตัวเข้ารับการรักษาและขยายผลสู่การติดตามผู้สัมผัส มาอยู่ในการควบคุม ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย เป็นไปตามผลของการวางมาตรการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศทุกอย่าง ไม่มีสิ่งใดต้องตระหนก หรือกังวลเกินไป

        “คนที่ได้รับวัคซีนที่รัฐบาลจัดให้ น่าจะมีภูมิคุ้มกันที่ป้องกันโรคโควิด-19 ได้ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม และขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคด้วย วันนี้ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 90 ล้านเข็ม พบว่าที่ฉีดมีประสิทธิผลตามข้อมูลการแพทย์ในการลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิต จากนี้ถึงเวลาฉีดบูสเตอร์โดสแล้ว ทั้งคนฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ซิโนฟาร์ม 2 เข็ม แม้แต่คนที่ได้รับแอสตร้าเซนเนกา 2 เข็มครบถึงเดือน ส.ค. ก็ถึงเวลาที่ต้องฉีดกระตุ้นแล้ว”นายอนุทินกล่าว 

เปิดประเทศ 6 สัปดาห์ยังไม่น่ากังวล

          นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า การเข้าประเทศมีมาตรการเฝ้าระวังอยู่แล้ว โดยคนที่จะเข้ามาต้องตรวจ RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ต้องมีการฉีดวัคซีนและมีใบรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส เมื่อมาถึงก็ต้องทำ RT-PCR  อีกครั้ง เข้าระบบ test & go และ Thailand Pass ซึ่งวันนี้เป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้วตั้งแต่ประเทศไทยมีการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเข้ามายังไม่มีปัญหาอะไรที่น่ากังวล การที่คนได้รับวัคซีนจำนวนมากและอาจจะมีการใกล้ชิดกันบ้าง อาจมีการรวมกลุ่มคนมากขึ้น แต่ยังไม่มีรายงานว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันตรงนั้นหากทุกคนได้รับวัคซีนแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่อยากให้ทำอยู่คือการรวมกลุ่มขนาดใหญ่เป็นเวลานานโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย การใช้ภาชนะในการรับประทานอาหาร เครื่องดื่มร่วมกัน ถือเป็นสิ่งอันตราย หากเลี่ยงได้ก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาที่น่าสะพรึงกลัว

คาดปี65สถานการณ์ค่อยๆดีขึ้น
           นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยผ่านการเปิดประเทศ 1 พ.ย. มาจนถึงขณะนี้ ตอนนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเรื่อยๆ จากที่มีการประเมินว่าเปิดประเทศแนวโน้มการติดเชื้อน่าจะเพิ่มขึ้น แต่คนที่เข้ามาผ่านทั้ง 3 ระบบก็ไม่ได้ทำให้การติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น โดย1 เดือนที่ผ่านมาก็พิสูจน์ว่ามาตรการต่างๆ ได้ผล เกิดจากความร่วมมือของทุกคน ส่วนที่ 2 เรื่องการติดเชื้อในประเทศ เช่น ลอยกระทงที่มีคนไปเที่ยวกันจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ ดังนั้นต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ เพื่อไปสู่เทศกาลสงกรานต์ที่ทุกคนรอคอย

       ความร่วมมือของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญ ไปเที่ยวที่ไหนก็ให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะช่วงที่ต้องเปิดหน้ากาก รับประทานอาหาร พูดคุยกันขอให้สวมหน้ากากอนามัยให้มากที่สุด และต้องย้ำเรื่องการฉีดวัคซีนตามกำหนด รวมถึงหากที่ไหนให้ตรวจ ATK ก็ให้ตรวจ เพราะ 3 มาตรการนี้พิสูจน์แล้วว่าช่วยให้ผ่านโควิดได้อย่างปลอดภัย ส่วนจังหวัดที่ฉีดวัคซีนน้อย ตอนนี้มีการสำรวจตามทะเบียนราษฎร์พบว่าบางคนอยู่ที่อีสาน แต่มาทำงานกทม.ก็ฉีดที่กทม. จำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลการสำรวจของกรมควบคุมโรค พบว่ามีการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 80.9% มากกว่าตัวเลขทางการ อย่างไรก็ตามได้ให้สสจ.เดินสำรวจ ใครยังไม่ฉีดก็ขอให้พามาฉีด วันนี้เราฉีดวัคซีนเกือบ 100 ล้านโดสแล้ว ความปลอดภัย ความมั่นใจต่างๆ น่าจะมี และพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดอัตราป่วย เสียชีวิตได้

        ส่วนในปี 2565 ตั้งเป้าตามนโยบายของรัฐบาลว่า คนไทยต้องได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส ซึ่งจะมีการหารือรายละเอียดในการประชุมศบค. วันที่ 13 ธ.ค.2564 เพื่อให้คนไทยเข้ามารับวัคซีนตามความสมัครใจให้ครบมากที่สุด อย่างน้อยก็เป็นการปูพื้นฐานวัคซีน ขณะที่แนวโน้มโควิด-19 ดูเหมือนสถานการณ์ผ่อนคลายมากขึ้นทั่วโลกเพราะฉีดวัคซีนมากขึ้นแล้ว

     “มองในแง่ดีคือสถานการณ์ค่อยๆ กลับไปดีขึ้น แล้วก็คงกลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติที่สุด ยกเว้นเกิดการกลายพันธุ์หน้ามือ เป็นหลังมือ มีความรุนแรง ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าถึงขนาดนั้น แต่ยังไงก็ต้องมีความระวังอยู่ เพราะข้อมูลโควิดเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว ติดตามเป็นระยะ” นพ.โอภาส กล่าว

ฉีดวัคซีนเข็ม3กลุ่มสูตรไขว้

          ผู้สื่อข่าวถามถึงการฉีดเข็ม3ของผู้ที่ฉีดวัคซีนสูตรไขว้ ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า นพ.โอภาส กล่าวว่า ปกติจะฉีดวีคซีนชนิดเชื้อตาย ไวรัลแว็กเตอร์และmRNA ไล่ตามนี้ เพราะฉะนั้นคนที่ฉีดซิโนแวค ซิโนฟาร์มก็จะฉีดวัคซีนเข็ม3 ด้วยแอสตร้าฯ เข็ม 4 ก็จะเป็นแอสตร้าฯ ส่วนเข็ม 5 ถ้าจะมีก็จะเป็นไฟเซอร์ ส่วนที่ฉีดสูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯ ฉีดเข็ม 3 ก็จะเป็นแอสตร้าฯ ส่วนเข็ม 4 ก็จะเป็นไฟเซอร์ เพราะการฉีดบูสต์ไม่ได้ฉีดแค่เข็มเดียว เนื่องจากไม่ต้องการให้ได้วัคซีนชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไปเพราะผลไม่พึงประสงค์ระยะยาวเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ จึงมีความระมัดระวังในการให้คำแนะนำในการให้วัคซีนให้เกิดความปลอดภัย ทั้งนี้ ผู้ที่ฉีดสูตรไขว้ครบถึงเดือนส.ค.ให้มาฉีดเข็ม3ได้แล้วในเดือนธ.ค. ส่วนผู้ที่ฉีดครบ2เข็มในช่วงเดือนก.ย.ก็อาจจะเป็นช่วงเดือนม.ค.รอประกาศชัดเจนอีกครั้ง

วัคซีนยังมีประสิทธิภาพ

        เมื่อถามถึงกรณีมีการพูดว่าเชื้อโอมิครอนมีการหลบภูมิคุ้มกัน นพ.โอภาส กล่าวว่า การประเมินว่าการติดเชื้อมากหรือน้อย การประเมินว่าวัคซีนได้ผลหรือไม่ ต้องใช้เวลา ไม่สามารถบอกได้ในเวลาอันสั้น ต้องติดตามผลระยะยาว  ทั้งนี้ ระบบภูมิต้านทานโรคซับซ้อน ไม่สามารถวัได้ด้วยแล็ปใดแล็ปหนึ่ง ซึ่งประสิทธิภาพวัคซีนมี 2 ส่วน คือ ลดการติดเชื้อ และลดการป่วยหนักและเสียชีวิต ส่วนใหญ่ที่พูดแค่ประเด็นเดียวและไม่ครบ โดยหากเทียบกับคนที่ไม่ฉีดวัคซีน คนที่ฉีดโอกาสติดเชื้อก็น้อยกว่า วัคซีนยังมีประสิทธิภาพลดการติดเชื้อแม้ว่าจะไม่ 100 % ลดได้สัก 50 % ก็ถือว่าดีมากแล้วถ้าเทียบกับไม่ฉีด ส่วนการป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตยังถือว่าดีมาก และตัวเซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกายจะมีการจดจำ เมื่อมีการฉีดวัคซีนจะจดจำเชื้อนั้นไว้ เมื่อมีเชื้อใหม่เข้ามาก็จะสร้างภูมิ แต่ตรงนี้ใช้เวลาพอสมควร เพราะฉะนั้นโรคที่ระยะฟักตัวสั้น สร้างไม่ทันก็ติดเชื้อได้ แต่เมื่อติดเชื้อแล้ว ภูมิฯที่สร้างขึ้นมาก็จะทำให้ไม่ป่วยหนักและเสียชีวิต
โอมิครอนโอกาสเป็นโรคประจำถิ่น

   ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มีหลายฝ่ายมองว่าโอมิครอนจะทำให้โควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่น นพ.โอภาส กล่าวว่า ถ้าดูประวัติศาสตร์ของโรคไข้หวัดใหญ่ มีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา มีการติดเชื้อไปเรื่อยๆ มีการสร้างภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติไปเรื่อยๆ ความรุนแรงก็จะลดน้อยลง ส่วนโควิด-19 ก็มีการกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ และดูเหมือนความรุนแรงจะลดลงเรื่อยๆ จาก 2-3 ปัจจัย 1. ติดเชื้อเรื่อยๆ ทำให้มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ 2. ที่กระตุ้นเพิ่มจากการฉีดวัคซีน ดูเหมือนจะทำให้ความรุนแรงของโรคลดลง อย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ พูดเร็วไปอาจจะผิด แต่ดูแนวโน้มน่าจะเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ประมาทก็ติดตามอย่างใกล้ชิด

เข้มชายแดนสกัด3ส่วน
      ผู้สื่อข่าวถามถึงการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าประเทศตามแนวชายแดน นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า  ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน ซึ่งคนจะลักลอบเข้าประเทศไทยได้มี 3 รูปแบบ คือ  1. มีคนพาเข้ามา ถือว่าผิดกฎหมาย ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ดูแล 2. มีคนให้ที่อยู่ เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ หากผิดกฎหมายไม่ควรทำ 3. มีคนให้ที่ทำงาน อย่างที่ทราบว่าประเทศไทยต้องการแรงงานอยู่ แต่ก็ขอให้ทำให้ถูกกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้มีหน้าที่ไปกำกับตรงนั้น อย่างไรก็ตาม นโยบายของกระทรวงสาธารณสุขคือฉีดวัคซีนให้แรงงานต่างด้าวทุกคนในไทย เพื่อประโยชน์กับทุกคนบนแผ่นดินไทย ดังนั้นหากเจอใครยังไม่ฉีดวัคซีนขอให้จูงมือพามาฉีดวัคซีนด้วย เข็ม 3 จะมีการประกาศให้ฉีดเร็วขึ้น โดยเฉพาะคนที่ฉีดครบโดสในเดือน ส.ค.ก็ให้บู๊สฯ เดือน ธ.ค.ได้เลย