"สมชัย" โพสต์ ครบรอบ 8 ปีนั่งซีอีโอ AIS ชี้ผู้นำต้องเปลี่ยนตัวเองให้เร็ว

"สมชัย" โพสต์ ครบรอบ 8 ปีนั่งซีอีโอ AIS ชี้ผู้นำต้องเปลี่ยนตัวเองให้เร็ว

สมชัย เปิดใจผ่าน เฟซบุ๊คครบรอบนั่งซีอีโอ 8 ปี ระบุว่า เอไอเอส ยังเป็นเบอร์1 ที่แข็งแรงมากในตลาด ดังนั้นต้องเปลี่ยนแปลงในวันที่ยังแข็งแรง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในอนาคต ดีกว่าที่ต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนในวันที่ปรับตัวไม่ทัน!!

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS)  หรือ เอไอเอส โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ค เนื่องในวันครบรอบนั่งเก้าอี้ CEO AIS ครบ 8 ปี 1 ก.ค. ของเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผมได้รับมอบหมายให้เป็น CEO  ของ AIS ในเวลานั้นตัวผมไม่ได้อยู่เมืองไทย เพราะกำลังคุยงานกับ Huawei ที่ประเทศจีน เพื่อเตรียมนำเทคโนโลยี 4G มาใช้ในเมืองไทย พอ กลับมาถึง วันที่ 2 กค. ผมก็ทำ townhall กับพนักงานทุกคน บอกว่านับจาก

วันนี้  AIS จะต้องเปลี่ยนตัวเองจาก Mobile Operator สู่ Digital Life Service Provider ให้ได้ ว่า ในครั้งนั้นยังจำได้ว่ามี พี่ๆหลายคนใน AIS ทักมาว่า มันเป็นภารกิจที่ท้าทายมาก ผมจะหาเหตุผลอะไรไปชวนให้พนักงานต้องเปลี่ยนตัวเอง ในขณะที่เรายังเป็นเบอร์1 ที่แข็งแรงมากในตลาด ผมจึงตอบไปว่า เราต้องเปลี่ยนแปลงในวันที่เราแข็งแรง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในอนาคต ดีกว่าที่ต้องถูกบังคับให้เปลี่ยนในวันที่เราจะปรับตัวไม่ทัน 

ซึ่งผมยังคงเชื่อเช่นนั้น...

วันนี้ครบ 8 ปี ที่ผมเป็น CEO AIS เลยอยากเล่าว่า มีอะไรบ้างที่ยังเป็นสิ่งที่ผมว่าเรายังต้องมุ่งมั่นทำให้สำเร็จให้ได้ และ มีอะไรบ้างที่ทำได้ดี เผื่อจะได้บันทึกเป็น บทเรียน สำหรับการบริหารงานองค์กรขนาดใหญ่อย่าง AIS  ของผม ขอเริ่มจากสิ่งที่ผมมองว่าเรายังน่าจะทำเพิ่มเติมให้สำเร็จตามที่มุ่งมั่นไว้

ข้อแรก ผมมีฝันว่า AIS จะสร้าง digital platform ของคนไทย เพื่อให้คนไทยได้ใช้งาน แบบไม่ต้องพึ่งของต่างชาติ แต่ต้องยอมรับว่า เรายังทำมันไม่ได้ดั่งที่หวัง และยังคงต้องทุ่มเทเพิ่มเติมให้บรรลุผลให้สำเร็จให้ได้

เรื่องที่สอง ในช่วงเวลาที่โลกถูก Disrupt อย่างรุนแรง อันเป็นความท้าทายของมวลมนุษยชาติ ตลอดจนองค์กรใหญ่ๆ ทุกแห่งไม่มากก็น้อย ช้าหรือเร็ว ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับทุกที่ โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ๆที่ประสบความสำเร็จมานานในอดีต  ซึ่งเราก็เป็นเช่นนั้น 

มีประโยคที่ Steve Jobs กล่าวไว้ว่า “If you want to make everyone HAPPY. Don’t be a Leader. Sell ICE CREAM” เพราะในการจะเปลี่ยนองค์กรตามที่ตั้งใจ   Culture คือ หัวใจสำคัญอันดับ 1 แม้เราจะอยู่ในอันดับต้นๆของบริษัทที่น่าทำงานด้วย ได้รับรางวัลมากมาย แต่ความเป็นจริง คนภายในของบริษัทที่เคยเก่ง เคยดี แต่พอถูก digital เข้ามา Disrupt อย่างรวดเร็วและมีความ Dynamics ขั้นรุนแรง ก็อาจต้องเร่งเพิ่มเติมศักยภาพไม่ให้กลายเป็นอ่อนแอ แม้บริษัทจะมีแผนงานด้านบุคลากรที่ชัดเจน 

ผมก็ยังมีความท้าทายในการพัฒนาให้ Gen เดิมที่มีอยู่เข้มแข็งขึ้นได้ทัน เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ Genใหม่ที่รับเข้ามา และทำงานอย่างมีความสุขด้วยกันได้

ปรากฏการณ์ Great Resignation ที่เกิดขึ้นวันนี้อย่างที่เราเห็นกัน  การหมุนเวียนของคนใหม่และเก่าเมื่อมาร่วมงานกันอาจทำให้บรรยากาศไม่เหมือนเดิม ที่เคยอยู่แบบคนคุ้นเคยกันมานาน แม้ว่าทุกบริษัทในปัจจุบัน จะเจอปัญหาแบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่ บริษัท start up หรือ tech company ที่ sexy และจ่ายเงินเดือนมากมาย แต่ผมก็ยังตั้งใจว่า จะมุ่งมั่นทำให้ทุกคนมีความสุขกับการทำงานอย่างเหมาะสม เพื่อให้มีผลงานที่ยอดเยี่ยมกว่านี้  

ถึงวันนี้ ผมยังตั้งคำถามตัวเองอยู่เสมอว่า ในฐานะ Leader จะทำอะไรเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งผมเชื่อว่ายังมี และยืนยันว่าจะผลักดันอย่างสุดกำลังในทุกวิถีทาง เพื่อให้ดียิ่งกว่าที่ทำมา

อีกมุมที่ผมรู้สึกภูมิใจและขอบคุณพลังงานดีๆในองค์กรที่ร่วมใจกันผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย ก็จะมีประมาณนี้ครับ

1. สามารถนำองค์กรทำงานอย่างมืออาชีพผ่านวิกฤติจากการเปลี่ยนผ่านในระบบสัญญาร่วมการงาน มาสู่ระบบใบอนุญาตได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกปิดเครือข่าย ตอนประมูลคลื่น 900 มาไม่ได้ในตอนแรก  ทั้งนี้เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกคน และ Regulator ที่ยังยึดมั่นในหลักการ ถึงแม้ว่าจะยังมีความท้าทายในเรื่องทำนองนี้อยู่ แต่ก็เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ด้วยข้อเท็จจริง ความบริสุทธิ์ โปร่งใสของเรา ทุกอย่างก็น่าจะผ่านไปได้

2. แม้จะสร้าง Digital Platform ของคนไทยไม่สำเร็จในตอนนี้ แต่ก็ได้วางรากฐานที่แข็งแรงให้กับบริษัทและคนไทย คือ การมี 5G Infrastructure ที่ทันสมัย ครอบคลุมทั่วประเทศ, การมี FBB และ Enterprise business มาให้บริการ และ การมี digital services ต่างๆอย่าง AIS play, Game, Digital Finance เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับ AIS และคนไทยสามารถพัฒนาต่อไปได้ 

3. แม้ว่า AIS จะผ่านวิกฤตต่างๆมามากมาย ทั้งเรื่องการที่มักถูกโยงใยในเรื่องการเมืองเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว วิกฤตโควิดที่ยังไม่จางหาย รวมถึงเศรษฐกิจที่ท้าทายและการแข่งขันที่รุนแรงในวันนี้ แต่ AIS ยังรักษาความเป็นผู้นำไว้ได้ ทั้งเรื่อง market share, ผลกำไร  ทำให้เราสามารถดูแล Stake Holder ทุกคนได้อย่างดี ทั้งลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น และสังคม ที่สำคัญคือ ในช่วงที่ประเทศเกิดวิกฤตรุนแรงอย่างโควิด เราสามารถที่เข้าไปช่วยแบ่งเบาภาคสาธารณสุข สนับสนุนภาครัฐ และไม่เคยละเลยหน้าที่ในฐานะ Corporate Citizen ที่ยังคงสร้างงาน กระจายรายได้ จ่ายภาษีอย่างครบถ้วนให้แก่ประเทศ

ในโอกาสครบ 8 ปีเต็มกับบทบาท CEO AIS ของผม ก้าวต่อไปนับจากนี้ คือการที่ต้องส่งผ่านไปยังรุ่นหลังให้แข็งแรงที่สุด ทั้งการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เคยมี และการเดินต่อไปในอนาคตตามที่วางไว้ คือ การเป็น Cognitive Telco หรือ องค์กรอัจฉริยะ ที่จะรู้จักลูกค้าของเรามากขึ้น ตอบความต้องการได้เร็วขึ้น เป็น infrastructure ให้กับคู่ค้าของเราในทุกอุตสาหกรรม เพื่อส่งต่อสินค้าและบริการของเขา มาใช้ในชีวิตประจำวันของลูกค้าเรา แบบ real time, interactive และ personalization 

ผมขอยืนยันว่า แม้ผ่านมาแล้วถึง 8 ปี ผมยังมีพลังอย่างเต็มที่ ที่จะก้าวเดินต่อไป จนกว่า successor ผมจะรับช่วงต่อได้  พวกเรา ทั้งผมและพนักงาน AIS กว่า หมื่นชีวิต พร้อมจะช่วยกัน พัฒนา และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศให้อย่างดีที่สุดต่อไป