‘อะโดบี’ มองอนาคตเทคโนโลยี พลิกโฉมธุรกิจ-งานครีเอทีฟ
อะโดบี คาดการณ์ 10 เทรนด์แห่งอนาคต ผ่านมุมมองครีเอทีฟ ที่จากนี้ธุรกิจต้องศึกษาและนำไปปรับใช้เพื่อสร้างความอยู่รอด เพิ่มการแข่งขันยุคแห่งดิจิทัล
สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คือ รูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป และจะยิ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมากใน 5 ปีข้างหน้า
สก็อตต์ เบลสกี้ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ และรองประธานบริหาร อะโดบี ครีเอทีฟคลาวด์ กล่าว พร้อมเปิดมุมมองว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ จากการศึกษา “The near future of technology” พบเทรนด์ที่น่าสนใจซึ่งสะท้อนมุมมองต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน รวมถึงสิ่งที่แบรนด์จะต้องตระหนักถึงดังนี้
ขับเคลื่อนด้วย ‘เอไอ’
คำแนะนำที่ขับเคลื่อนด้วย “เอไอ”จะเข้ามาแทนที่รายการ “Favorites” : ต่อไปรายการโปรด หรือ “Favorites” จะถูกแทนที่ด้วยเอไอ จากเดิมมาจากความพอใจในสิ่งที่มีอยู่ กลายเป็นยินยอมที่จะไว้ใจอัลกอริธึม ซึ่งเหมือนกับฟีเจอร์การฟังเพลงจากวิทยุ แต่มีการ "ยกระดับ" ขีดความสามารถให้ดียิ่งขึ้น และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับแง่มุมอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน
คนรุ่นใหม่จะประกอบอาชีพที่มีหลากหลายบทบาท หรือ “Polygamous Careers” และทำให้โลกขององค์กรเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง : คนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้าสู่โลกของการทำงานจะเลือกประกอบอาชีพหลากหลายด้าน หรือที่เรียกว่า “Polygamous Careers”
“อาชีพการงานของแต่ละคนจะมีลักษณะเป็นพอร์ตโฟลิโอที่ระบุผลงานจากโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดีไซเนอร์ วิศวกร พนักงานขาย หรือนักลงทุนก็ตาม ผู้คนจะรู้สึกเต็มอิ่มและมีส่วนร่วมอย่างมากกับงานที่ทำอยู่ โลกของเราจะพัฒนาไปข้างหน้าโดยอาศัยบุคลากรที่มีส่วนร่วมกับงานอย่างจริงจัง”
มิติใหม่งาน 3 มิติบน ‘เมตาเวิร์ส’
การเติบโตของประสบการณ์แบบ Immersive จะทำให้การสร้างผลงาน 3 มิติกลายเป็นกระแสหลัก : เมตาเวิร์ส (Metaverse) ทำให้การเล่นเกม การติดต่อกับเพื่อนๆ และทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานภายในโลกเสมือนจริงเป็นแบบเรียลไทม์ และเทรนด์นี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และทุกคนจะเข้าไปมีส่วนร่วมเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับโทรศัพท์มือถือ
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์นี้จะน่าเบื่อและไม่ได้รับความนิยม ถ้าหากไม่มีการใส่คอนเทนท์แบบอินเทอร์แอคทีฟ 3 มิติที่ดึงดูดและมีการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล รวมไปถึงสื่อประเภท Immersive แต่ปัญหาคือ คอนเทนต์ 3 มิติเป็นสิ่งที่สร้างได้ยาก
Stakeholder Economy ขับเคลื่อนแบรนด์เกิดใหม่และธุรกิจท้องถิ่น ส่งผลกระทบต่อบริษัทยักษ์ใหญ่บนอินเทอร์เน็ต และตลาดซื้อขายสินค้าทั่วโลก : แบรนด์ต่างๆ จะถูกกำหนดด้วยมีม คอนเทนท์ และการสนทนในชีวิตประจำวัน
ปัจจุบัน แบรนด์ต่างๆ ถูกกำหนดด้วยการสร้างคอนเทนท์ของมวลชน ซึ่งต่างจากการใช้บริการของเอเจนซี่ด้านครีเอทีฟและการซื้อโฆษณา และทุกวันนี้ แบรนด์ต่างๆ จะนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดีและสดใหม่ได้จำเป็นต้องอาศัยคอนเทนต์ล่าสุดที่เกิดขึ้น
โดยธุรกิจที่อาศัยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนแบบ “many-to-many” น่าจะประสบความสำเร็จในการทำตลาดได้ดีกว่าธุรกิจแบบ “one-to-many”
อิสระ หลากหลาย เฉพาะบุคคล
ทุกคนจะเลือกรับโฆษณามากขึ้นด้วยประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล : เอไอจะทำการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ได้เป็นอย่างดีจนทำให้การดูโฆษณาเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลจะช่วยทำให้เกิด การโฆษณารูปแบบใหม่ๆ
การบริการที่ "เพิ่มอำนาจให้แก่ประชาชน" เพื่อต่อกรกับผู้มีอำนาจ : เกิดการเติบโตของผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์และเครือข่ายที่มุ่งขจัดอุปสรรค หรือโมเดลธุรกิจที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน และต่อไปจะเห็นสิ่งเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น
ทุกส่วนงานขององค์กรจะแปรเปลี่ยนเป็น Immersive Experience รองรับ multi-player : ด้วยคนรุ่นใหม่มีทัศนคติที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับคุณประโยชน์และข้อเสียที่ตามมา กล่าวคือ ต้องการที่จะทำงานร่วมกันมากกว่า แม้ว่าจะมีปัญหาและความล่าช้าเกิดขึ้น เมื่อเทียบกับการทำงานโดยลำพังเพียงคนเดียว แต่ทำได้เร็วกว่า
คนรุ่นใหม่จะชื่นชอบรูปแบบการใช้ชีวิต และการทำงานแบบมีอิสระมากขึ้น (Nomad) : ประสบการณ์ที่ได้รับมักมีส่วนต่อการเปลี่ยนแปลงของชีวิตและกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์และองค์กรนายจ้างที่ปรับเปลี่ยนไปสู่ทิศทางนี้จะประสบความสำเร็จในอนาคต
โมเดลแฟรนไชส์แบบย้อนกลับและ “Eduployment” จะขับเคลื่อนการเติบโตและความยืดหยุ่นของธุรกิจขนาดเล็ก : นับเป็นการบูรณาการเชิงลึกของการทำธุรกิจ การศึกษา และการหางานหรือเปิดบริษัทใหม่
ยุคของอัตลักษณ์ที่หลากหลาย (Multiple Identities) : ยุคหน้าโซเชียลเน็ตเวิร์กจะถูกปรับปรุงให้สอดคล้องกับความจริงที่ว่าผู้ใช้ทุกคนมีอัตลักษณ์ที่หลากหลาย