อนาคตใหม่กับเป้าหมายใหม่
เอาชนะข้อจำกัดของตัวเอง เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายใหม่ที่กำลังจะมาถึง
อิทธิพลของประเทศจีนบนเวทีโลกคงเป็นที่ประจักษ์ในสายตาประชาคมโลกเป็นอย่างดี ด้วยสถานะความขัดแย้งกับประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างสหรัฐอเมริกาทำให้เราเห็นความตึงเครียดเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งไม่ได้ส่งผลแค่ 2 ประเทศ แต่ขยายวงไปสู่ประเทศอื่นๆ มากมาย
นอกจากเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ เรายังเห็นความก้าวหน้าของจีนในอีกหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีที่จีนเปลี่ยนสถานะจากประเทศผู้รับจ้างผลิตมาเป็นเจ้าของเทคโนโลยีของตัวเองมาหลายปีแล้ว ขณะที่งานวิจัยและพัฒนาในด้านต่างๆ ของจีนก็ติดอันดับต้นๆ ของโลกมาโดยตลอด
ความก้าวหน้าของจีนในด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเช่น บิ๊กดาต้า เอไอ เครือข่าย 5 จี ไปจนถึง 6 จี ที่เป็นต้นแบบล้วนถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะยิ่งจีนก้าวหน้าก็จะยิ่งทำให้ยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งอย่างสหรัฐได้รับผลกระทบมากขึ้น
การแข่งขันด้านอวกาศจึงได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียเหมือนที่เคยเป็นมาหลายทศวรรษ แต่เป็นสหรัฐ กับจีน ที่ทุ่มทุนพัฒนาด้านอวกาศกันอย่างเต็มที่เพราะเล็งเห็นผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นจริงไปได้เมื่อ 30-50 ปีที่แล้ว เพราะจีนไม่อยู่ในสถานะที่จะแข่งขันกับใครได้เลย ด้วยความยากจนข้นแค้นและขาดแคลนไปเสียทุกอย่าง แต่การพัฒนาในยุคเติ้งเสี่ยวผิงได้เปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล
การเติบโตของจีนจากความไม่มีอะไรเลยนอกจากประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี จนก้าวมาสู่ประเทศชั้นนำของโลก ที่ต่อกรกับยักษ์ใหญ่ได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องการทหารที่ยังตามหลังสหรัฐแต่ในเรื่องเศรษฐกิจเราต่างก็รู้กันดีว่าถึงวันหนึ่งจีนก็ต้องก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลกโดยไม่มีใครกังขา
ความยิ่งใหญ่ของสหรัฐ ที่ก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวเท่านั้นของโลก หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย เป็นวันที่จีนยังคงก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศไปแบบช้า ๆ มุ่งหน้าไปสู่การสร้างความมั่นคง ด้วยการเรียนรู้ การพัฒนาตัวเอง และการทำงานหนัก แม้จะถูกประเทศอื่น ๆ ดูแคลนอยู่ตลอดก็ตาม
ความแตกแยกในชนชาติที่แบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าได้จางหายไปและกลายเป็นความมุ่งมั่นที่จะเร่งตามประเทศอื่นให้ทัน ทำให้เราเห็นว่าประเทศหนึ่งจะฟื้นจากจุดที่ตกต่ำที่สุดขึ้นมาสู่ความรุ่งโรจน์ได้อย่างไรและในทางตรงกันข้ามคือประเทศที่รุ่งเรืองมานับร้อยปีก็กลับล่มสลายลงได้อย่างไม่มีใครคาดคิด
พัฒนาการของประเทศจีนจึงเป็นตัวอย่างสำคัญให้กับคนรุ่นใหม่ได้เห็นว่าเวลานี้นับเป็นเวลาดีที่สุด ในการกล้าคิด กล้าลองทำสิ่งใหม่ ๆ เพราะภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเปลี่ยนขั้วอำนาจของโลก
คลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะซัดเข้ามาจะเป็นโอกาสที่เปิดกว้างให้กับทุกคนที่กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ กล้าลองของใหม่ และกล้าลงมือทำเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ ซึ่งก็คือการเอาชนะข้อจำกัดของตัวเอง เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายใหม่ที่กำลังจะมาถึง