จับตา‘กองทุน USO’กว่า 6,000 ล้านบ. กสทช.ชงวาระเข้าบอร์ดอนุมัติ 20 มี.ค.นี้

จับตา‘กองทุน USO’กว่า 6,000 ล้านบ. กสทช.ชงวาระเข้าบอร์ดอนุมัติ 20 มี.ค.นี้

บอร์ดกสทช.ยังไม่สรุปโครงการให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานทั่วถึง USO มูลค่าโครงการ 6 พันล้านบาท เข้าพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 20 มีนาคม หลังบอร์ดไม่หยิบพิจารณา เตรียมนัดวาระพิเศษ 12 มี.ค.พิจารณาคดี “สุรางคณา วายุภาพ” ผู้สมัครเลขาธิการกสทช.ฟ้องสรรหาไม่เป็นธรรม

KEY

POINTS

  • ไทม์ไลน์บีบเข้ามาเพราะโครงการ USO 3 จะสิ้นสุดและได้ข้อสรุปในเดือนพ.ค.นี้ 
  • ชำแหละงบ 6,000 ล้านบาท ประกอบด้วย รพ.สต. 4,000 ล้านบาท โรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน 1,372 ล้านบาท และระบบโทรคมนาคมเพื่อความมั่นคง 1,000 ล้านบาท

นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กสทช.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มี.ค.2567 บอร์ด กสทช.พิจารณาลงนามรับรองรายงานการประชุมจำนวน 4 วาระ  ส่วนเรื่องโครงการให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานทั่วถึง หรือ USO มูลค่าโครงการ 6 พันล้านบาท นอกจากนี้ บอร์ดกสทช.ยังไม่ได้มีการหยิบยกพิจาราณา ซึ่งคาดว่าในวันที่ 20 มี.ค. 2567 จะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่ นางสาวพิรงรอง รามสูต  กรรมการ กสทช. กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานทั่วถึง หรือ USO ทางบอร์ดให้การสนับสนุนโครงการเพื่อให้บริการทั่วถึงกับประชาชนที่ขาดแคลนด้านเทคโนโลยี แต่ยังคงมีคำถามกรณีของขยายระบบโทรคมนาคมเพื่อสาธารณสุข ให้มุ่งเน้นโรงพยาบาลสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 8,000 แห่ง แต่สำนักงาน กสทช.เสนอมาเพียง 2,000  แห่งเท่านั้น 

“โครงการ USO บอร์ด กสทช.ได้มอบหมายให้จัดทำแผนอย่างละเอียดมาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา โครงการ USO 3 จะสิ้นสุดในเดือนพ.ค.นี้ โดยในวันที่ 20 มี.ค.นี้ บอร์ด กสทช.จะพิจารณาในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง”

สำหรับโครงการบริการโทรคมนาคม พื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมงบประมาณ 6,000 ล้านบาท จะใช้เงินลงทุนจากกองทุน USO หรือกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ โดยสำนักงานกสทช. แบ่งมูลค่าการลงทุนดังนี้

1.ขยายระบบโทรคมนาคมเพื่อสาธารณสุข ให้มุ่งเน้นโรงพยาบาลสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นหลัก เพื่อให้ รพ.สต. สามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมได้ ภายใต้กรอบงบประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยรวมจุดบริการทั้งหมด 2,593 แห่ง ซึ่งประเภทบริการและจำนวนพื้นที่เป้าหมาย อาจมีการปรับเปลี่ยนตามข้อเท็จจริง

2.ขยายระบบโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะภายใต้กรอบงบประมาณ 1,372 ล้านบาท ให้มุ่งเน้นไปที่ระบบโรงเรียนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนภายใต้กองทุนเพื่อการศึกษา รวมทั้งโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการใด หรือ โรงเรียนในพื้นที่ตกหล่น

 3.ระบบโทรคมนาคมเพื่อความมั่นคง ภายใต้กรอบงบประมาณ 1,000 ล้านบาทในกรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กำหนดหมู่บ้านในพื้นที่เป้าหมายและความต้องการ ในกรณีด่านตรวจคนเข้าเมือง ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กำหนดพื้นที่เป้าหมายและความต้องการ โดยจะดำเนินการติดตั้งพื้นที่เป้าหมายจำนวน 115 แห่ง

วาระพิเศษ 12 มี.ค. หาทางออกเลขาฯกสทช.

สำหรับคืบหน้าการสรรหา เลขาธิการ กสทช. จะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมหยิบยก 2 คดี มาพิจารณาประกอบ ได้แก่ 1.กรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งยกฟ้องในคดี นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.สรณ เป็นจำเลย

ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดสำเนาคำพิพากษา  

และ 2.คดีที่นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น เลขาธิการ กสทช. ยื่นฟ้อง นพ.สรณ ประธานกสทช.และกรรมการ กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาหรือคำสั่งใน 2 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งหรือประกาศหรือคำวินิจฉัยผลการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ

รวมทั้งการกระทำทางปกครองที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมดโดยให้มีผลย้อนหลังนับตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ และใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ทำให้ผลการพิจารณาเกิดความไม่เป็นธรรม 2.ขอให้กรรมการ กสทช. ออกระเบียบหรือประกาศ เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการในคัดเลือกหรือการประเมินความรู้ความสามารถเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. และให้ดำเนินการคัดเลือกหรือสรรหาเลขาธิการกสทช. ใหม่ให้ชอบด้วยกฎหมาย โดยจะนัดประชุมเป็นวาระพิเศษในวันที่ 12 มี.ค.2567