‘หัวเว่ย’ ชูฐานข้อมูล AI-Native พลิกโฉมดิจิทัลประเทศไทย
การปฏิวัติด้านดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเรา ทั้งยังได้เห็นการใช้งาน AI มากขึ้นในธุรกิจต่างๆ ซึ่งฐานข้อมูลนับเป็นพื้นฐานของการปฏิวัติทางดิจิทัล
KEY
POINTS
- เปิดตัวโซลูชัน “GaussDB” ผลักดันให้อุตสาหกรรมทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยเข้าถึงเทคโนโลยีฐานข้อมูล AI-Native
- หลอมรวมโลกอัจฉริยะที่กำลังจะมาถึงด้วยกลยุทธ์ Al Intelligence
- เปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางดิจิทัลในยุค AI และการประมวลผลคลาวด์
เดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดมุมมองว่า การปลดปล่อยข้อมูลในยุคของบิ๊กดาต้าและ AI นั้นมีความท้าทายอยู่สี่ประเด็นหลัก คือ ประการแรก การประมวลผลข้อมูลปริมาณมากที่หลากหลายและกระจัดกระจายด้วยการใช้ฐานข้อมูล
ประการที่สอง การคงประสิทธิภาพที่สูงในการประมวลผลข้อมูลมากๆ ในเวลาพร้อมกัน ประการที่สาม การรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมทั่วถึงและการจัดการกับการละเมิดข้อมูล และประการที่สี่ แนวโน้มดิจิทัลซึ่งได้รับความนิยมในทุกธุรกิจที่ต้องการอีโคซิสเต็มท้องถิ่นที่หลากหลายและเข้มแข็ง
เอเชียแปซิฟิค ไม่เพียงเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีชีวิตชีวาที่สุดในโลก แต่ยังเป็นแบบอย่างสำหรับภูมิภาคอื่นๆ ในด้านความพยายามเข้าสู่การเป็นดิจิทัลและเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร
ปลดล็อกคุณค่า 'ข้อมูล'
ล่าสุด หัวเว่ยผนึกกำลังลูกค้าและพันธมิตรชั้นนำเปิดตัวโซลูชัน “GaussDB” เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยเข้าถึงเทคโนโลยีฐานข้อมูล AI-Native และเร่งกระบวนการพลิกโฉมสู่ดิจิทัล
โดยเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าของฐานข้อมูลแห่งอนาคต (GaussDB: A Better Way to Database) ซึ่งจะมอบโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อปลดล็อกคุณค่าของข้อมูลอย่างเต็มที่
GaussDB ได้รับการพัฒนามานานกว่า 20 ปีตั้งแต่ 2544 และได้รับการทดสอบผ่านการใช้งานจริง เช่น ฐานข้อมูลเชิงพาณิชย์ของหัวเว่ยถูกย้ายไปยัง GaussDB ช่วยลดเวลาการสร้างรายงานประจำปีจาก 30 วันเหลือเพียง 10 วัน และธนาคารชั้นนำแห่งหนึ่งของจีนใช้ GaussDB พลิกโฉมฐานข้อมูลเดิมให้กับระบบธุรกิจมากกว่า 150 ระบบ
ปัจจุบัน เทคโนโลยีฐานข้อมูลเปลี่ยนไป 5 ทิศทางหลัก จากฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ไปสู่แบบกระจาย, ความน่าเชื่อถือของฮาร์ดแวร์เปลี่ยนเป็นความน่าเชื่อถือของซอฟต์แวร์, ทรัพยากรคงที่ไปจนถึงการรองรับการขยายตัวแบบยืดหยุ่นบนคลาวด์, การบำรุงรักษาแบบแมนนวลเปลี่ยนเป็นระบบอัจฉริยะ, และเปลี่ยนจากการป้องกันความปลอดภัยจุดเดียวเป็นการสร้างระบบรักษาความปลอดภัยรอบด้าน
บทบาทของหัวเว่ย ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ โดยหลอมรวมโลกอัจฉริยะที่กำลังจะมาถึงด้วยกลยุทธ์ Al Intelligence ซึ่งจะช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงอัจฉริยะของทุกอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันต้องการให้ทุกสิ่งเชื่อมต่อกัน ทุกแอปพลิเคชันสามารถจำลองได้ และทุกการตัดสินใจสามารถคำนวณได้
ดันไทยศูนย์กลางดิจิทัลยุค AI
หัวเว่ยระบุว่า Huawei Cloud GaussDB ถือเป็นฐานข้อมูลที่มั่นคงสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและการยกระดับสู่ความอัจฉริยะของการให้บริการทางภาครัฐ อุตสาหกรรมการธนาคาร องค์กร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม บริษัทอินเทอร์เน็ต และธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลในยุค AI และการประมวลผลคลาวด์
เหตุผลที่ GaussDB ของหัวเว่ย เป็นวิธีที่ดีกว่าในการจัดการฐานข้อมูล และเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับฐานข้อมูล เนื่องมาจากความสามารถในการรับมือกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณข้อมูลที่สำคัญ, การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่สูงขึ้น, การตอบสนองความต้องการของลูกค้า
รวมไปถึงการบริหารจัดการและบำรุงรักษาฐานข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ, การขจัดอุปสรรคจากการขยายตัวของธุรกิจ และ การรักษาความเป็นเจ้าของข้อมูล การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล หรือการตอบสนองต่อความล่าช้า
ด้วยตระหนักดีว่า องค์กรธุรกิจต่างมีความท้าทายในการจัดการฐานข้อมูล ไม่ว่าจะมาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจำนวนข้อมูล การรั่วไหลของข้อมูลซึ่งเกิดขึ้นได้ทุกที่และบรรดาแฮกเกอร์ก็กำลังพัฒนาวิธีการโจมตีที่ไม่สามารถคาดคิดได้มากขึ้น
นอกจากนี้ องค์กรต้องการเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อการตอบสนองการตัดสินใจอย่างทันท่วงทีและใช้ประโยชน์ในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการระบบและบุคลากรที่สูงขึ้น ฯลฯ