สมดุลคน 2 วัย (จบ)
บทพิสูจน์ฝีมือของผู้บริหาร และเจ้าของธุรกิจยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผลกำไรในทางธุรกิจ
แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารทีมงานให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อมีเป้าหมายในอนาคตร่วมกัน เป็นการสร้างความสำเร็จ และความมั่นคงในระยะยาวให้กับองค์กร
แต่ปัญหาใหญ่ที่กำลังกัดกร่อนองค์กรอยู่ในปัจจุบัน คือ ความไม่เข้าใจกันของคนต่างรุ่นต่างวัย ที่มีมุมมองในการทำงานไม่เหมือนกันโดยเฉพาะคนรุ่นเก่าคือเบบี้บูมเมอร์กับเจนเนอร์เรชั่นเอกซ์ ที่มักไม่ยอมรับแนวคิดของคนในเจนเนอร์เรชั่นวายลงไป
ความไม่เข้าใจนี้ก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างคนสองเจนเนอร์เรชั่น ทำให้องค์กรไม่สามารถใช้พลัง ของคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนธุรกิจในยุคปัจจุบันได้ ในขณะที่คนรุ่นเก่าก็ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ ต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ สุดท้ายก็เกิดเป็นภาวะสุญญากาศไม่อาจพัฒนาองค์กรให้ไปสู่ทิศทางที่ควรเป็นได้สำเร็จ
ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจยุคปัจจุบันจึงจำเป็นต้องมีทักษะในการสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับคนทุกวัย และเปิดกว้างให้กับทุกความคิดเห็นเพื่อทำให้บุคลากรทุกคนมีความสบายใจและทำงานร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันซึ่งมีแนวทางคร่าว ๆ คือ ข้อแรก ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการปรับตัวเข้ากับความคิดเห็นที่หลากหลาย ต้องมีความพยายามในการค้นหาความสุดยอดของบุคลากรแต่ละคน ต้องรู้จักถ่ายทอดความคิดให้พนักงานได้เรียนรู้พร้อมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ข้อสอง ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นบวก คือเน้นการให้กำลังใจ ไม่ดูถูกความคิดเห็นของผู้อื่น แต่ใช้การเสริมความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์เข้าไป เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนกล้าพูดเพราะมั่นใจว่าคนอื่นจะรับฟังเสมอแม้จะต่างวัยและต่างความคิดกันมากก็ตาม
ข้อสาม กระตุ้นให้ทุกคนกล้าคิดกล้าทำ ต้องส่งเสริมให้ทุกคนไปถึงเป้าหมายที่ต้องการซึ่งไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นงานในความรับผิดชอบของบริษัทเท่านั้นแต่ครอบคลุมถึงเรื่องส่วนตัวด้วย เช่นเป้าหมายในการออกกำลังกายทุกวัน เป้าหมายในการเรียนภาษาใหม่ ๆ ฯลฯ
การบรรลุเป้าหมายแม้เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ แต่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต และการทำงานได้เพราะเมื่อกล้าลงมือทำและกล้ารับความท้าทายที่อยู่เบื้องหน้าก็ย่อมทำให้เขาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังมาถึงได้มากขึ้น
ข้อสี่ ต้องใช้การโค้ชไม่ใช่การสั่งงานเหมือนในอดีต นั่นหมายความว่าทั้งนายและลูกน้อง ต้องอยู่ทีมเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยกว่าคนเป็นนายต้องได้เปรียบหรือมองว่าคนเป็นลูกน้องมักขี้เกียจเสมอ เพราะการคิดแบบนั้นเป็นสาเหตุให้เกิดความแตกแยกและไม่ทำให้อะไรดีขึ้น
การโค้ชชิ่งจะทำให้แต่ละคนมองเห็นภาพรวมชัดเจนขึ้น และสร้างความรู้สึกว่าทุกคนเป็นหนึ่ง ในทีมเดียวกัน เมื่อสำเร็จก็เท่ากับเป็นผลงานของทั้งทีม เป็นการสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมและทำให้คนทุกวัยได้มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เสมอภาคเท่าเทียมกัน
ข้อห้า ต้องสร้างความชัดเจนในการทำงานให้แต่ละคนไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เพราะความไม่ชัดเจนในขอบเขตการทำงานอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งและทำให้แต่ละคนมุ่งหน้าไปคนละทิศคนละทาง ขาดเอกภาพและพนักงานแต่ละคนก็จะไม่เห็นคุณค่าของงานที่ทำ
ข้อสุดท้าย ต้องมีรางวัลสำหรับชัยชนะเสมอ เพราะการทุ่มเททำงานร่วมกันจนประสบผลสำเร็จได้จำเป็นต้องให้กำลังใจด้วยรางวัลในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งตามแต่วัฒนธรรมของแต่ละองค์กร พร้อมการวิเคราะห์ให้เห็นว่าทีมงานสำเร็จได้เพราะอะไร หรือในทางตรงกันข้ามล้มเหลวเพราะอะไร จะแก้ไขในครั้งหน้าได้อย่างไร
การสร้างความเข้าใจและสภาพแวดล้อมให้คนแต่ละวัยได้ทำงานร่วมกันอย่างเหมาะสม จะก่อให้เกิดสมดุลในองค์กรและทำให้ใช้พลังจากคนทุกเจนเนอร์เรชั่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ