'ควีน'แต่งตั้ง'ลิซ ทรัสส์' เป็นนายกฯ อังกฤษคนใหม่
ลิซ ทรัสส์ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษอย่างเป็นทางการหลังได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจอความท้าทายตั้งแต่วันแรกเมื่อผลสำรวจบ่งชี้ว่า ชาวอังกฤษอยากให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเร็ว ๆ นี้
นาง ลิซ ทรัสส์ วัย 47 ปีเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่พระตำหนักบัลมอรัลในสกอตแลนด์ในวันอังคาร และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ หลังจากบอริส จอห์สัน เข้าเฝ้าพระองค์ก่อนหน้าในวันเดียวกันเพื่อยื่นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการและได้รับการอนุมัติ
นางทรัสส์ กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ในรอบ 6 ปี และนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของประเทศ หลังได้รับการประกาศเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อวันจันทร์ เธอเข้ารับตำหน่งแทนนายจอห์นสัน ที่ประกาศลาออกเมื่อเดือน ก.ค.
นางทรัสส์ แถลงครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีต่อชาวอังกฤษทั้งประเทศที่หน้าบ้านเลขที่ 10 ว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับผิดชอบหน้าที่นายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาสำคัญของประเทศ พร้อมกับให้คำมั่นว่า รัฐบาลของเธอจะเปลี่ยนแปลงอังกฤษสู่ประเทศแห่งความทะเยอทะยาน ที่มีงานรายได้สูง ถนนปลอดภัย และทุกคนทุกแห่งมีโอกาสที่สมควรได้รับ พร้อมกับย้ำว่า เธอมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดภาษีและการปฏิรูป และแผนแก้ไขวิกฤตพลังงาน ที่เกิดจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเมื่อร่วมมือกันก็จะสามารถฝ่ามรสุมได้ และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้อังกฤษรุ่งเรืองและทันสมัยได้
ขณะที่สื่อ รายงานว่า เธอมีภาระหนักมากมายรออยู่ทั้งวิกฤตค่าครองชีพพุ่งสูง ระบบสาธารณสุขย่ำแย่ และปัญหาแรงงานหยุดงานประท้วง แต่ปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่ต้องแก้ไข คือ ราคาพลังงาน ที่จะปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 80% เริ่มเดือน ต.ค.นี้ ที่อาจส่งผลให้ธุรกิจต้องทยอยปิดตัว และประชาชนหลายล้านคนอาจต้องเลือกระหว่างการใช้จ่ายเงินเพื่อซื้ออาหารหรือจ่ายค่าก๊าซเพื่อสร้างความอบอุ่นในฤดูหนาว
ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด ที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 ก.ย. ก่อนทรัสส์ได้รับการประกาศเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมเมื่อวันจันทร์ พบว่า ชาวอังกฤษ 6 ใน 10 คนอยากให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ภายในปีนี้ แทนที่จะรอจนหมดวาระของสมาชิกรัฐสภาชุดปัจจุบันที่ยังเหลือเวลาอีก 2 ปี
นอกจากนี้ ผู้ตอบคำถาม 50% บอกว่า ทรัสส์ไม่สามารถสมานความแตกแยกในประเทศได้ และ18% เชื่อว่า เธอทำได้ ขณะที่มีเพียง 18% มีทัศนคติที่ดีต่อทรัสส์ ซึ่งเตรียมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ 44% ไม่ชอบเธอเท่าใด
ผู้จัดทำโพลล์ บ่งชี้ด้วยว่า ทรัสส์ ยังมีอีกปัญหาท้าทาย คือ การสมานความแตกแยกภายในพรรคหลังการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่