สหรัฐยันไม่เกี่ยวข้องยูเครนส่งโดรนลอบสังหาร 'ปูติน'
นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัสเซียที่ว่า สหรัฐอยู่เบื้องหลังการที่ยูเครนส่งโดรนโจมตีทำเนียบเครมลินเพื่อหวังสังหารประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
"นี่เป็นข้อกล่าวหาที่น่าขบขัน สหรัฐไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมขอให้คุณมั่นใจว่าสหรัฐไม่มีบทบาทเกี่ยวข้องแต่อย่างใด" นายเคอร์บี กล่าว
นายเคอร์บีระบุว่า สหรัฐไม่สนับสนุนให้ยูเครนทำการโจมตีนอกดินแดนของตน และไม่สนับสนุนการโจมตีต่อตัวผู้นำประเทศ
ส่วนนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐไม่สามารถหาหลักฐานพิสูจน์ข้อกล่าวหาของทางการรัสเซียที่ว่า ยูเครนได้ส่งโดรนโจมตีทำเนียบเครมลินเพื่อหวังสังหารประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
นายบลิงเคนกล่าวว่า เขาต้องฟังหูไว้หูสำหรับสิ่งที่มีการแถลงออกมาจากทำเนียบเครมลิน
นอกจากนี้ นายบลิงเคนเน้นย้ำถึงการสนับสนุนของสหรัฐสำหรับยูเครน และเขามีความเชื่อมั่นว่ายูเครนจะประสบความสำเร็จในความพยายามยึดคืนดินแดนที่ได้สูญเสียแก่รัสเซีย
ด้านนายมิไคโล โพโดยัค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวยืนยันว่า ยูเครนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งโดรนโจมตีทำเนียบเครมลิน ตามที่ทางการรัสเซียกล่าวอ้างแต่อย่างใด
นอกจากนี้ นายโพโดยัคกล่าวว่า การกล่าวหาดังกล่าวเป็นการหาข้ออ้างของรัสเซียในการโจมตียูเครนครั้งใหญ่ในไม่ช้า
ทั้งนี้ ทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์ระบุว่า ยูเครนได้ส่งโดรนเพื่อพยายามโจมตีทำเนียบเครมลิน แต่ได้ถูกสกัดโดยกองทัพรัสเซีย
แถลงการณ์ยืนยันว่า ประธานาธิบดีปูติน ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีดังกล่าว
"รัฐบาลเคียฟพยายามทำการโจมตีที่พักของประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียที่ทำเนียบเครมลินโดยการใช้อากาศยานไร้คนขับ 2 ลำ แต่กองทัพรัสเซียสามารถสกัดเอาไว้ได้ ทำให้วัตถุดังกล่าวตกลง และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมทั้งไม่มีความเสียหายร้ายแรง" แถลงการณ์ระบุ
อย่างไรก็ดี ทำเนียบเครมลินไม่ได้แสดงหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาดังกล่าว
ทั้งนี้ ทำเนียบเครมลินมองว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการก่อการร้าย และเป็นความพยายามของยูเครนในการปลิดชีพปธน.ปูติน ก่อนพิธีเฉลิมฉลอง "วันแห่งชัยชนะ" ของรัสเซียในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งอดีตสหภาพโซเวียตสามารถพิชิตกองทัพนาซีในปี 1945 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2