อิสราเอลส่งรถถังเข้ากาซา ก่อนบุกภาคพื้นดินเต็มกำลัง

ฉนวนกาซา ใกล้จะลุกเป็นไฟ เมื่อประชาชน 1.2 ล้านคน ได้รับการแจ้งเตือนให้อพยพออกจากที่อยู่อาศัย เพื่อเอาชีวิตรอด ในขณะที่อิสราเอลส่งโดรนไปโปรยใบปลิวตลอดทั้งวันเมื่อวันศุกร์ (13 ต.ค.) เรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากทางเหนือของฉนวนกาซา ภายในเวลา 24 ชั่วโมง มิฉะนั้น จะตกอยู่ในอันตรายจากปฏิบัติการทหารที่ขยายขึ้น 

กองกำลังป้องกันประเทศของอิสราเอล(ไอดีเอฟ) เริ่มเปิดฉากการโจมตีเฉพาะจุดครั้งแรกในฉนวนกาซา โดยจัดขบวนรถถังเมอร์คาวา (Merkava) ควบคู่กับทหารราบ เข้าไปในดินแดนกาซา เพื่อค้นหาตัวประกันที่ถูกลักพากตัวไปในระหว่างที่กลุ่มฮามาสใช้ปฏิบัติการโจมตีอย่างไม่คาดคิด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (7 ต.ค.) 

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศว่า ประเทศนี้จะไม่มีวันลืมความโหดร้ายนี้ พร้อมทั้งเตือนว่า"นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เราจะยุติสงครามครั้งนี้อย่างเข้มแข็งกว่าที่เคย เราจะทำลายฮามาส..."

บรรดาผู้นำโลกหลายคนแสดงความไม่พอใจและกล่าวหาอิสราเอลว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ที่สั่งให้ประชาชนอพยพกระทันหันเกินไป ขณะที่หน่วยงานบรรเทาทุกข์ต่างๆเตือนว่า การอพยพอย่างทันทีทันใดเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แม้แต่สหประชาชาติ (ยูเอ็น)เรียกร้องให้อิสราเอลถอนคำสั่ง โดยบอกว่า จะส่งผลให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงด้านมนุษยธรรม 

ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐที่แม้ยังคงสนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งขัน ยังเรียกร้องให้อิสราเอล "อย่ามองข้ามความจริงที่ว่าชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮามาส และการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของฮามาส" 

อิสราเอล ระบุว่าไอดีเอฟจะ "ปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญในกาซา" ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยบ่งชี้ว่าการโจมตีภาคพื้นดินใกล้เข้ามาแล้ว และบอกด้วยว่า ต้องใช้ "ความพยายามอย่างกว้างขวาง" เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายต่อพลเรือน แต่ผู้ก่อการร้ายฮามาสซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ที่อยู่ใต้บ้านและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และจะใช้ใครก็ตามเป็นโล่มนุษย์

คาดว่าพื้นที่ที่อิสราเอลจะเข้าโจมตี และสั่งอพยพ คือพื้นที่คร่อมดินแดนอันกว้างใหญ่ขึ้นไปทางเหนือของกาซา รวมทั้งพื้นที่ยึดครองของฮามาสในกาซา ซิตี ในใบปลิวได้แนะนำให้พลเรือนหนีลงใต้ ก่อนจะสายเกินไป