'เรโนลต์' เริ่มทยอยขายหุ้น 'นิสสัน' ยอมขาดทุน 5 หมื่นล้านแลก 'เจ็บแต่จบ'
เรโนลต์เริ่มขายหุ้นนิสสันเฟสแรก 5% ในก้าวแรกสู่การปรับสมดุลความเป็นพันธมิตรกันใหม่หลังร่วมทางกันมา 2 ทศวรรษ ยอมบุ๊กขาดทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท ลดหุ้นจาก 43% ให้เหลือ 15%
บริษัทรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส "เรโนลต์" เตรียมขายหุ้น 5% ในบริษัท "นิสสัน" โดยเป็นก้าวแรกของการปรับสมดุลความเป็นพันธมิตรกับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่ร่วมทางกันมากว่า 20 ปี ซึ่งทั้งสองบริษัทบรรลุความตกลงร่วมกันได้เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา หลังเจรจาอย่างมาราธอนในหลายเดือนก่อน เนื่องจากทั้งสองพยายามรีเซ็ตความสัมพันธ์ที่ยาวนานหลายสิบปี และเริ่มมีความตึงเครียดระหว่างกัน
ภายใต้แผนการดังกล่าว เรโนลต์จะทยอยขายหุ้นนิสสันจากปัจจุบันที่ 43% ให้เหลือ 15% โดยมีนิสสันเป็นผู้รับซื้อหุ้นดังกล่าว ส่วนในการขายหุ้นนิสสันล็อตแรก 5% คิดเป็นมูลค่า 765 ล้านยูโร (ราว 2.96 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเรโนลต์จะนำเงินไปพัฒนาบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองในชื่อ "แอมแปร์" ต่อไป
การลดสัดส่วนหุ้นในแผนการปรับสมดุลครั้งนี้จะทำให้เรโนลต์ต้องบันทึกการขาดทุนถึง 1,500 ล้านยูโร (ราว 5.79 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากเป็นการขายในราคาถูกกว่าราคาที่ซื้อมาซึ่งบันทึกในงบดุล
ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 2022 เรโนลต์ประกาศว่าจะแบ่งการดำเนินงานออกเป็นสองส่วน ได้แก่ แอมแปร์ ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มรถยนต์เบนซิน ดีเซล กับกลุ่มรถยนต์ไฮบริด ซึ่งจะจับคู่กับบริษัทจีลี่ โอโตโมบิลของจีน ซึ่งได้สร้างความกังวลให้กับนิสสันว่า จีนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ในตลาดรถยนต์อีวีโลก
ทั้งนี้ เรโนลต์และนิสสันเป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1999 ในยุคที่ คาร์ลอส กอส์น ยังเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนิสสัน ก่อนที่กอส์นจะถูกจับกุมในปี 2019 จากข้อหารายงานเงินเดือนต่ำกว่าจริง ซึ่งอดีตซีอีโอรายนี้ถูกดำเนินคดีใน 4 ข้อหาเกี่ยวกับด้านการเงิน