มองดอกซากุระและภาวะใหม่ในกรุงวอชิงตัน

มองดอกซากุระและภาวะใหม่ในกรุงวอชิงตัน

การชิงบานก่อนกำหนดเวลาของ ดอกซากุระ ในกรุงวอชิงตัน ส่งผลให้ขบวนพาเหรดใหญ่ในงานเทศกาลเฉลิมฉลองการบานของดอกไม้ ในตอนต้นฤดูใบไม้ผลิปีนี้ จะมีขึ้นหลังดอกซากุระได้ร่วงโรยไปหมดแล้ว  

ในภาวะภูมิอากาศปกติ ดอกซากุระจากเกือบ 4 พันต้นในกรุงวอชิงตันจะบานพร้อมกันเต็มที่ในช่วงเวลาตรงกับงานเทศกาลสงกรานต์ของไทย  ปีนี้คณะกรรมการจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองการบานของดอกไม้ จึงกำหนดขบวนพาเหรดใหญ่อันเป็นหัวใจของงานไว้ในวันเสาร์ที่ 13 เมษายน  แต่เนื่องจากซากุระเหล่านั้นได้บานเต็มที่เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ในวันนั้นพวกมันจึงจะร่วงโรยไปหมดแล้ว  

ผู้เชี่ยวชาญด้านต้นซากุระมองว่า ภาวะโลกร้อน เป็นปัจจัยนำที่ทำให้ดอกไม้นั้นบานเร็วมาก เนื่องจากภาวะโลกร้อนนอกจากจะทำให้ฤดูหนาวสั้นลงกว่าปกติแล้ว ยังทำให้อากาศในช่วงฤดูหนาวอุ่นกว่าปกติอีกด้วย  

และภาวะโลกร้อนนี่เองที่เป็นปัจจัยทำให้ต้นซากุระจำนวนมากจะต้องถูกโค่นไม่นานหลังงานเทศกาลปีนี้จบลง รวมทั้งต้นที่มีผู้ตั้งชื่อแบบเอ็นดูว่า “เจ้าเตี้ย” (Stumpy) ซึ่งแตกต่างจากต้นอื่น และเป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษของชาวกรุงวอชิงตันและชาวอเมริกันทั่วไปที่นิยมไปชมดอกซากุระ  

“เจ้าเตี้ย” (Stumpy) เป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษของชาวกรุงวอชิงตัน

“เจ้าเตี้ย” (Stumpy) เป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษของชาวกรุงวอชิงตัน

ต้นไม้หลายร้อยต้นที่จะถูกโค่นส่วนใหญ่อยู่รายรอบขอบสระน้ำขนาดใหญ่ในกรุงวอชิงตัน  สระนั้นเชื่อมต่อกับแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลลงสู่ทะเลซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก  ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อนจึงทำให้ระดับน้ำในสระสูงในช่วงน้ำทะเลขึ้นจนขอบสระไม่สามารถกั้นน้ำมิให้ล้นออกได้อีกต่อไป  

การยกขอบสระให้สูงขึ้น 1.5 เมตรพร้อมกับปรับพื้นที่และภูมิทัศน์ในบริเวณให้สวยงามสร้างความจำเป็นที่จะต้องโค่นต้นไม้แล้วปลูกใหม่   

ในช่วงนี้ชาวกรุงวอชิงตันมีเรื่องอื่นที่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจ นอกจากต้นไม้ที่พวกเขาชื่นชอบจะถูกโค่น  เรื่องใหญ่ได้แก่การเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดของอาชญากรรม ส่งผลให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมทำให้การฆาตกรรมเพิ่มขึ้นถึง 36% เมื่อปีที่แล้ว  การเพิ่มขึ้นนั้นส่งผลให้กรุงวอชิงตันมีอัตราการฆาตกรรมสูงเป็นลำดับ 5 ของประเทศ นั่นคือ มีผู้ถูกฆาตรกรรมจำนวน 4 คนต่อประชากร 10,000 คน  

การมีอัตราการฆาตกรรมสูงขนาดนั้นเป็นที่อับอายมาก เนื่องจากกรุงวอชิงตันเป็นเมืองหลวงของประเทศมหาอำนาจ

การเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดของอาชญากรรม ทำให้เทศบาลกรุงวอชิงตันผ่านร่างกฎหมายยกเครื่องระบบความปลอดภัยสาธารณะเมื่อต้นเดือนนี้  กฎหมายใหม่เพิ่มอำนาจให้แก่ตำรวจพร้อมกับผู้พิพากษาในการพิจารณาลงโทษและขยายกรอบของอาชญากรรมจำพวกการชิงรถยนต์และร่วมมือกันขโมยของในร้านค้า

เช่น อนุญาตให้ตำรวจตั้งเขตปลอดยาเสพติดชั่วคราวขึ้นในย่านที่ประชาชนเรียกร้อง และให้ผู้พิพากษาสั่งขังทั้งผู้ใหญ่และเยาวชนที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงในช่วงที่รอการขึ้นศาลอยู่ได้

กฎหมายนี้เริ่มมีผลทันทีเมื่อตำรวจตั้งเขตปลอดยาเสพติดชั่วคราวขึ้น 3 แห่งเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา  ตามกฎหมายเขตดังกล่าวจะอยู่ได้เพียง 5 วัน  ในช่วงเวลานั้น ตำรวจสามารถไล่ผู้คนที่ตำรวจสงสัยว่าน่าจะลักลอบซื้อขายยาเสพติดออกจากพื้นที่ได้โดยไม่ต้องมีหลักฐานยืนยัน  

มาตรการนี้นำไปสู่การถกเถียงกันและการต่อต้านอย่างหนักจากบางส่วนของสังคม  ผลจะออกมาอย่างไรคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะรู้

การขโมยของในร้านมีมาพร้อม ๆ กับการมีร้านค้า  แต่ในตอนนี้มีรูปแบบของการปล้นมากกว่าเนื่องจากเป็นการร่วมมือกันชิงของในร้านต่อหน้าลูกค้าและพนักงาน  ทั้งพนักงานและลูกค้าต่างไม่กล้าขัดขวางเพราะโจรมักแสดงท่าทีว่ามีอาวุธร้าย  นอกจากนั้น

บางร้านค้ายังสั่งพนักงานว่าอย่าขัดขืนโจรเพราะอาจเป็นอันตรายอีกด้วย  การปล้นจึงทำได้อย่างรวดเร็ว  หากมีผู้โทรศัพท์ถึงตำรวจ กว่าตำรวจจะมา โจรก็ออกไปจากร้านค้าแล้ว   

ภาวะในกรุงวอชิงตันอาจสะท้อนว่าเป็นเมืองไม่น่าอภิรมย์มากนัก  อย่างไรก็ดี กรุงวอชิงตันคงมีเพื่อนเป็นจำนวนมากเนื่องจากภาวะโลกร้อนและภาวะเสื่อมถอยทางสังคม โดยทั่วไปเกิดขึ้นในหลายภาคส่วนของโลกด้วย.