'อินโดนีเซีย' คว้าดีล Nvidia 7 พันล้านสร้าง 'เอไอ เซ็นเตอร์' รับยุคดิจิทัล

สำนักข่าวรอยเตอร์สและบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทอินวิเดีย คอร์ป (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปการ์ดจอรายใหญ่ของโลกจากสหรัฐ และบริษัท พีที อินโดแซท (PT Indosat) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในอินโดนีเซีย มีแผนจะลงทุนร่วมกันเพื่อสร้าง "ศูนย์ปัญญาประดิษฐ์" (AI center) มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ (ราว 7,350 ล้านบาท) ในประเทศอินโดนีเซีย

บูดี อารี เซเทียดี รัฐมนตรีกระทรวงโทรคมนาคมและสารสนเทศของอินโดนีเซีย ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า บริษัททั้งสองแห่งจะสร้างเอไอเซ็นเตอร์ขึ้นที่เมืองสุราการ์ตา ในจังหวัดชวากลาง (ใกล้กับยอกยาการ์ตา) โดยจะประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมหรือฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคล คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในปี 2567 นี้   

รายงานระบุว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินโดแซทได้ให้ข้อมูลกับนายกเทศมนตรีเมืองสุราการ์ตาเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า การเลือกไปตั้งเอไอเซ็นเตอร์ในเมืองดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันออกกว่า 500 กม. เป็นเพราะเมืองนี้มีความพร้อมทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน 5G และทรัพยากรมนุษย์ 

อย่างไรก็ตาม ทางอินโดแซทและอินวิเดีย ยังไม่ตอบรับรายงานข่าวนี้แต่อย่างใด

ซีอีโอ Nvidia เพิ่งเยือน 3 ชาติอาเซียนหาลู่ทางใหม่

ความเคลื่อนไหวในอินโดนีเซียครั้งนี้ยังมีขึ้นหลังจากที่ "เจนเซน หวง" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของอินวิเดียเพิ่งเดินทางเยือนหลายประเทศในอาเซียนเมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม 

ในการเยือน "สิงคโปร์" นั้น หวงได้กล่าวไว้ว่า อินวิเดียกำลังเจรจากับสิงคโปร์เกี่ยวกับการลงทุนขนาดใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการลงทุนสร้าง "ซูเปอร์คอมพิวเตอร์" เครื่องใหม่ในสิงคโปร์ และได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง และแจ็กเกอลีน โปห์ กรรมการผู้จัดการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ (อีดีบี) เพื่อหารือเรื่องการลงทุนขนาดใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในสิงคโปร์

ส่วนในการเดินทางไป "มาเลเซีย" นั้น ได้มีความร่วมมือกับบริษัทโครงสร้างพื้นฐานรายใหญ่ วายทีแอล พาวเวอร์ อินเตอร์แนชันนัล ร่วมมือกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเอไอ เพื่มมุ่งไปสู่การผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดภายในกลางปีนี้ 

ในขณะที่การเยือน "เวียดนาม" เป็นครั้งแรก ซึ่งอินวิเดียมีการลงทุนในประเทศนี้ไปแล้ว 250 ล้านดอลลาร์ จะเน้นเรื่องการขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในเวียดนามให้มากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนเรื่องการฝึกบุคลากร และการพัฒนาโครงสร้างด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยปัจจุบันเวียดนามกำลังพยายามขยายไปสู่อุตสาหกรรมการออกแบบและผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน