สหรัฐขู่คว่ำบาตรได้ผล ! พันธมิตรเลี่ยงทำธุรกรรมกับรัสเซีย ยอดส่งออก-นำเข้าดิ่งแรง
สหรัฐขู่คว่ำบาตรได้ผล! ธนาคารและประเทศที่เป็นพันธมิตรเลี่ยงทำธุรกรรมทางการเงินกับรัสเซีย ส่งผลให้รัสเซียนำเข้าสินค้าจากพันธมิตรลดลง และพันธมิตรส่งออกสินค้าไปยังรัสเซียลดลงเช่นกัน เนื่องจากกังวลถูกสหรัฐคว่ำบาตรฐานเอี่ยวรัสเซียทำสงครามกับยูเครน
สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า การค้ารัสเซียกำลังได้รับผลกระทบครั้งใหญ่ เนื่องจากสหรัฐขู่คว่ำบาตรบรรดาธนาคารและประเทศที่สาม รวมถึงจีน เพราะมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกให้กับรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน
ตามข้อมูลของธนาคารกลางรัสเซีย ระบุว่า ยอดนำเข้าของรัสเซียทั้งหมดร่วง 10% ในช่วงม.ค. - เม.ย. ปีนี้ และยอดนำเข้าสินค้าจากจีน พันธมิตรที่รัสเซียพึ่งพาซัพพลายอย่างหนักในช่วงทำสงคราม ก็ลดลงในเดือน มี.ค.
ขณะที่ศุลกากรจีน รายงานว่า ยอดส่งออกสินค้าจากจีนไปรัสเซียหดตัว 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเดือนมี.ค. ร่วง 16% ลดลงเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบเป็นรายปี นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2565
เมื่อแยกตามประเภทสินค้าพบว่า การส่งออกเหล็ก อะลูมิเนียม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบหนัก สำหรับชิ้นส่วนเทคโนโลยีล้ำสมัยของจีน ที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนที่หนุนการผลิตอุปกรณ์ทางทหารของรัสเซียนั้น ส่งไปยังรัสเซียโดยผ่านประเทศอื่นๆ เช่น ตุรกี อาร์เมเนีย และคาซัคสถาน
นอกจากจีนแล้ว การค้ารัสเซียกับพันธมิตรประเทศอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น ยอดส่งออกจากตุรกีไปยังรัสเซียดิ่งหนักราว 30% ในช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดส่งออกจากคาซัคสถานไปยังรัสเซียร่วงแรง 25%
การค้าที่หดตัวลงนี้เกิดขึ้นเกิดเนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันวางแผนคว่ำบาตรทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อขัดขวางการจัดส่งชิ้นส่วนเทคโนโลยีต่าง ๆ
พันธมิตรเลี่ยงทำธุรกรรมกับรัสเซีย
ในปี 2565 สหรัฐและยุโรปออกมาตรการแบนธนาคารรัสเซียออกจากระบบชำระเงินทั่วโลก รัสเซียจึงหันไปเปิดบัญชีกับธนาคารจีน และที่อื่น ๆ เพื่อให้การค้ายังดำเนินต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังคงหาทางขัดขวางการทำธุรกรรมทางการเงินของรัสเซีย จึงส่งสัญญาณเมื่อเดือน ธ.ค. ว่า รัฐบาลวอชิงตันจะคว่ำบาตรธนาคารประเทศที่สามที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมที่สนับสนุนความพยายามทำสงครามของรัสเซีย
คำขู่คว่ำบาตรดังกล่าวทำให้ธนาคารหลายแห่งเลี่ยงทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย ซึ่งทำให้ธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์แห่งประเทศจีน และสถาบันการเงินอื่น ๆ ของจีน ปฏิเสธการทำธุรกรรมด้วยเงินหยวนสำหรับบัญชีที่อยู่นอกประเทศรัสเซีย ส่งผลให้การทำธุรกรรมราว 80% ระหว่างจีนและรัสเซียต้องถูกระงับ
แหล่งข่าวรายหนึ่งจากบริษัทโลจิสติกส์จีน เผยว่า การทำธุรกรรมกับบริษัทรัสเซียผ่านธนาคารจีนมีความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา 1 เดือน หรือมากกว่านั้นเพื่อได้รับเงินจากคู่ค้ารัสเซีย
ขณะที่สถาบันการเงินที่สำคัญในตุรกีได้แจ้งลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทางทหารของรัสเซียเมื่อเดือน ม.ค. ว่า บัญชีของพวกเขาถูกปิด และธนาคารตุรกีก็กำลังตรวจสอบเอกสารและข้อมูลการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของธุรกิจรัสเซียประเทศอื่น ๆ
ส่วนผู้เล่นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อย่างธนาคาร First Abu Dhabi Bank และ Emirates NBD ต่างดำเนินการเช่นเดียวกับตุรกีและจีน นอกจากนี้มีรายงานว่า ธนาคารมองโกเลียหลายแห่งระงับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย และธนาคารในคาซัคสถานก็เริ่มปฏิเสธรับบัตรเครดิตรัสเซียแล้ว
รัสเซียเสี่ยงขาดแคลนซัพพลาย
หนังสือพิมพ์ Kommersant ของรัสเซีย รายงานว่า การทำธุรกรรมของผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รัสเซียไม่สามารถดำเนินการผ่านธนาคารจีนได้ นับตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค. ขณะที่บริษัทรัสเซียหลายแห่งกำลังนำสินค้าคงคลังมาใช้ และคาดว่าจะขนาดแคลนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนอื่น ๆ มากขึ้นในช่วงฤดูร้อนและฤดูต่อ ๆ ไป ทำให้ราคารถยนต์ และสินค้าอื่น ๆ พุ่งสูง ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อมากขึ้น
แบงก์ชาติรัสเซียเผยเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐไม่เพียงแต่กระทบต่อบริษัทรัสเซีย แต่กระทบไปยังบริษัทของประเทศพันธมิตรรัสเซียด้วย และเตือนว่า การค้ารัสเซียจะลดลง และการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนจะมีความซับซ้อนมากขึ้น
อ้างอิง: Nikkei Asia