'ไบเดน-มาครง' ให้คำมั่นช่วยเซเลนสกีต่อเนื่อง เตือนสงครามไม่อาจจบแค่ยูเครน
ผู้นำสหรัฐและฝรั่งเศส ให้คำมั่นช่วยเหลือยูเครนอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องความมั่นคงในแอตแลนติก ด้านอดีตทูตฯนาโต ชี้ ฝรั่งเศสดูมีความกล้าช่วยเหลือยูเครนมากกว่าสหรัฐ เพราะสหรัฐมีข้อกังวลและมีความระมัดระวังหลายอย่าง
ในการแถลงข่าวร่วมกัน ณ ทำเนียบ ประธานาธิบดีเลลิเซ ในกรุงปารีส เมื่อวันเสาร์ (8 ม.ค.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เตือนว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะไม่หยุด (ทำสงคราม) แค่ในยูเครน
“ยุโรปทั้งหมดจะถูกรุกราน เราจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น” ปธน.ไบเดน กล่าวระหว่างเยือนฝรั่งเศส
“สหรัฐจะยืนเคียงข้างยูเครนอย่างแน่วแน่ ขอย้ำอีกครั้ง เราจะไม่จากไปไหน”
ด้าน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กล่าวยกย่องความภักดีของปธน.ไบเดน ที่มีต่อยุโรปว่า
“ผมขอบคุณท่านประธานาธิบดีสำหรับการเป็นประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลก ที่มีความหวังดีในฐานะพันธมิตรที่เคารพชาวยุโรป”
ทั้งนี้ ปธน.แห่งสหรัฐ เยือนฝรั่งเศสตั้งแต่วันพุธ (5 มิ.ย.) เพื่อเข้าร่วมรำลึกวันดีเดย์ ครบรอบ 80 ปี เหตุการณ์ยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี และในวันศุกร์ (7 มิ.ย.) ผู้นำทั้งสองได้พบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในกรุงปารีส และให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนยูเครน
จากแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาวเมื่อวันเสาร์ ระบุว่า ผู้นำฝรั่งเศสและสหรัฐเห็นพ้องต้องกันว่า ความมั่นคงเป็นวงกว้างทั่วแอตแลนติกตกอยู่ในความเสี่ยงจากการทำสงครามของรัสเซีย และทั้งสองมีความตั้งใจที่จะดำเนินการใหม่ เพื่อมอบการสนับสนุนที่สำคัญให้แก่ยูเครนในระยะปัจจุบัน และในระยะยาว
คำมั่นสัญญาดังกล่าว ยังได้เอ่ยถึงพันธมิตร 50 ประเทศที่ร่วมประชุมเป็นประจำเพื่อหารือเกี่ยวกับความต้องการด้านความมั่นคงของยูเครน
สหรัฐและฝรั่งเศส ยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการเมือง ความมั่นคง มนุษยธรรม และความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ยูเครนอย่างต่อเนื่องด้วย
นอกจากนี้ ไบเดนและมาครงยังได้หารือการเกี่ยวการสนับสนุนนำดอกเบี้ยที่ได้รับจากสินทรัพย์รัสเซียที่ถูกยึดไปช่วยเหลือยูเครน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่พันธมิตร G7 บางประเทศยังคงเกิดข้อกังขา
อดีตทูตฯนาโต ชี้ 'ฝรั่งเศส' กล้าให้ความช่วยเหลือยูเครนมากกว่า 'สหรัฐ'
เคิร์ต โวลเกอร์ อดีตเอกอัตรราชทูตสหรัฐประจำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เผยกับอัลจาซีราว่า รัฐบาลวอชิงตันและรัฐบาลปารีสพยายามสร้างความมั่นใจว่า ยูเคนจะดำรงอยู่ในฐานะประเทศประเทศประชาธิปไตยยุโรปที่มีอำนาจอธิปไตยและเป็นอิสระ ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ต่างมีความต้องการระงับยับยั้งในอุดมการณ์ของปูตินที่ต้องการสร้างจักรวรรดิขึ้นมาใหม่ และไม่ยอมรับการมีอยู่ของประชาชนยูเครน เช่นเดียวกับสหรัฐและฝรั่งเศส
แต่อดีตทูตรายนี้บอกว่า แต่ละประเทศมีวิธีบรรลุเป้าหมายแตกต่างกันไป โดยเผยว่า สหรัฐมีความระมัดระวัง มีความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรง และกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการกระทำที่อาจกระตุ้นให้ปูตินขุ่นเคือง ขณะที่มาครงมีความกล้ามากกว่า พูดถึงสิ่งที่สามารถทำได้มากขึ้นเพื่อช่วยเหลือยูเครน ทั้งความเป็นไปได้ในการช่วยควบคุมการป้องกันทางอากาศโดยมีผู้ฝึกอบรมภาคพื้นในยูเครน
เมื่อวันศุกร์ มาครงเผยว่าตนได้หารือแผนกับผู้นำนาโตหลายคน ซึ่งบางคนก็เห็นด้วยที่จะร่วมสนับสนุนความพยายามช่วยเหลือยูเครน และจะสรุปผลในอีกหลายวันข้างหน้า
ขณะที่สหรัฐต่อต้านการส่งกำลังพลภาคพื้นเข้าไปในยูเครนอย่างแข็งขัน และความมุ่งมั่นนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือน ก.พ. 2565
อ้างอิง: Al Jazeera