ชาวบ้านโวย กองทัพไต้หวันขอ 'พื้นที่วัด' เก็บคลังแสง ยามเกิดสงครามเดือด
ชาวไต้หวันโวย กองทัพขอใช้พื้นที่วัดเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ หวั่นเกิดอุบัติเหตุและกลัวตกเป็นเป้าหากเกิดสงคราม ด้านกองทัพเผยเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบประจำปี และยืนยันไม่มีการใช้กระสุนจริง
วัดวาอารามหลายแห่งใน “เหมียวลี่” มณฑลทางตะวันตกของเกาะไต้หวัน ได้รับเอกสารจากกองบัญชาการกำลังสำรองท้องถิ่น ขอให้พวกเขาลงนามข้อตกลงอนุญาตให้กองทัพไต้หวันใช้พื้นที่เปิดของวัดกักเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์
เอกสารดังกล่าวส่งแจ้งไปยังวัด 3 แห่งเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา และนำมาเผยแพร่โดยสื่อท้องถิ่นเมื่อวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.)
ในเอกสาระบุว่า เพื่อเตรียมพร้อมรับสงคราม ผู้บังคับบัญชาจึงมีแผนขนย้ายอาวุธบางส่วนจากคลังไปยังพื้นที่เปิดภายในวัด
“นี่จะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเพิ่มอาวุธให้กับหน่วยกำลังพลสำรอง เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่อง”
อย่างก็ตาม พลเมืองในเหมียวลี่ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้กับวัด คัดค้านแผนดังกล่าวอย่างแข็งขัน
ชาง ชูเฉิน ตัวแทนจากเมืองถงลัว เผยกับสื่อเมื่อวันอังคาร (3 ก.ค.)ว่า “ทำไมวัดของพวกเราต้องกลายเป็นคลังอาวุธ นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างเดียว แต่มีความเสี่ยงสูงด้วย”
ขณะที่เจิง อี้หนาน ผู้ใหญ่บ้านของชุมชนจิ่วหู ได้แสดงความไม่เห็นด้วย และเรียกแผนนี้ว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
“การเลือกสถานที่เป็นวัด ไม่ได้เป็นอันตรายแค่กับหมู่บ้าน แต่ส่งผลกระทบต่อแหล่งอุตสาหกรรม Tongluo Science Park ที่ตั้งอยู่ใกล้กับวัดที่ถูกเลือก”
เซาท์ ไชนา มอร์นิง โพสต์ รายงานว่า พลเมืองต่างรู้สึกกังวลว่า การกักเก็บอาวุธในวัดจะทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าในระหว่างทำสงคราม นอกจากนี้ การมีวัตถุระเบิดในพื้นที่สาธารณะของวัด อาจเสี่ยงเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะถ้าเกิดระเบิดในระหว่างกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวัด เช่น การจุดธูปและจุดประทัด
แผนดังกล่าวยังสร้างความขุ่นเคืองให้กับชาวไต้หวันที่นับถือศาสนา ซึ่งเป็นผู้ที่เชื่อว่าวัดควรเป็นสถานที่ที่ไม่ควรแตะต้องในสงคราม
ทั้งนี้ ประชากรอย่างน้อย 80% จาก 23.5 ล้านคนในเกาะไต้หวันนับถือศาสนาเต๋า และศาสนาพุทธ
กองทัพยืนยันเป็นแผนรับมือสงคราม ไม่ใช้กระสุนจริง
ด้านกองทัพไต้หวันตอบกลับคำโต้แย้งเมื่อวันอังคารว่า แผนดังกล่าวได้รับการปรับแก้ตามความจำเป็นในช่วงเวลาสงคราม
กองบัญชาการกำลังสำรอง (Armed Forces Reserve Command) ภายใต้กองวัสดุของหน่วยระดมกำลังป้องกันทั้งหมด (All-Out Defense Mobilization Agency) ระบุว่า แผนดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อบูรณาการทรัพยากรพลเรือน เพื่อเพิ่มประสิทธธิภาพการสนับสนุนทางโลจิสติกส์ ผ่านการฝึกซ้อมโดยไม่มีการใช้กระสุนจริง
หู จุ้ยซุน โฆษกจากกองบัญชาการกำลังสำรอง กล่าวว่า แผนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฮันกวง ซึ่งการอำนวยความสะดวกให้พลเมืองรวมอยุ่ในการซ้อมรบดังกล่าวด้วย และนายหูรับประกันว่า จะไม่มีอาวุธใดกักเก็บในพื้นที่ท้องถิ่นในระหว่างการซ้อมรบประจำปีจำนวน 5 วัน ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 22 ก.ค. นี้
อย่างไรก็ตาม ชาง เหยินติง นายผลกองทัพอากาศที่เกษียณไปแล้ว มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาที่กำหนดมาตรฐานทางกฎหมายของสงคราม
“การเปลี่ยนวัด หรือสถานที่ศูนย์กลางทางศาสนา โรงเรียน และโรงพยาบาล สู่การเป็นคลังสำรอง จะถือเป็นอาชญากรรมสงคราม เนื่องจากสถานที่เหล่านั้นเป็นที่ปกป้องประชาชนจากการตกเป็นเป้าของกองทัพทหาร”
อย่างไรก็ตาม หู กล่าวว่า กองทัพจะไม่พึ่งพาการจัดเก็บอาวุธเพียงแห่งเดียว และจะหาสถานที่ที่เหมาะสมเป็นอันดับแรก
“แม้เจ้าของที่ดินเห็นด้วย และพื้นที่ออกแบบให้เป็นสถานที่ที่ใช้งานได้ ไม่ได้หมายความว่าสถานที่นั้นจะใช้ในระหว่างเกิดสงครามเสมอไป”
อ้างอิง: South China Morning Post