จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้า 'ไบเดน' ถอนตัวจากการแข่งขันชิง 'ปธน.สหรัฐ'

จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้า 'ไบเดน' ถอนตัวจากการแข่งขันชิง 'ปธน.สหรัฐ'

ไขข้อสงสัย จะเกิดอะไรขึ้น? หากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวออกจากการเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ปธน.สหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญคาด หนี้ไม่พ้น ต้องเลือกรองปธน. คามาลา แฮร์ริสแทน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากพรรคเดโมแครตของตนเอง เนื่องจากสมาชิกพรรคจำนวนมากทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังต่างเรียกร้องให้ไบเดนถอนตัวจากการแข่งขันชิงเก้าอี้ปธน.สหรัฐ หลังผลงานดีเบตกับโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตปธน.สหรัฐไปได้ไม่สวย

ไบเดนประสบความล้มเหลวในการพยายามเพิ่มความเชื่อมั่นในสปิริตของตนเอง และไม่สามารถปิดรอยแตกแยกระหว่างเขากับพรรคได้ และหลังจากที่ไบเดนปฏิเสธคำเรียกร้องให้ถอนตัวมาโดยตลอด ปธน.สหรัฐได้เอ่ยปากในเมื่อวันอังคาร (16 ก.ค.) ว่า หากมีปัญหาสุขภาพ เขาจะพิจารณาการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงแข่งขันอีกที

ล่าสุด ทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันพุธ (17 ก.ค.) ว่า ปธน.ไบเดน วัย 81 ปี ตรวจพบโควิด-19 ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมเกี่ยวปัญหาสุขภาพของผู้นำ แต่แพทย์บอกว่าไบเดนมีอาการเพียงเล็กน้อย

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีเผยว่า ตามความเป็นจริง วิธีที่จะให้คนอื่นมาแทนที่ไบเดน ผู้เป็นแคนดิเดตพรรคเดโมแครต คือ การที่ไบเดนเอ่ยปากถอนตัวโดยสมัครใจ หรือไบเดนถึงแก่อสัญกรรม หรือเจ็บป่วยถึงขั้นพิการ

ลุ้นไบเดนถอนตัวก่อนประชุมใหญ่พรรค

หลังจากผ่านการเลือกตั้งขั้นต้นโดยไร้เสียงคัดค้าน ไบเดนสามารถชนะใจคณะเลือกตั้งพรรคกว่า 4,000 คน และคณะเลือกตั้งเหล่านั้นมีกำหนดลงคะแนนให้กับผู้ได้รับเสนอชิงปธน. ในรูปแบบ virtual roll call ช่วงต้นเดือน ส.ค. ก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต (Democratic National Convention: DNC)

หากไบเดนยุติการหาเสียงก่อนการลงคะแนนดังกล่าว คณะเลือกตั้งที่ต้องลงคะแนนเสียง สามารถลงคะแนนให้กับแคนดิเดตคนใหม่ได้

ตามกฎของ DNC ถ้าไม่มีแคนดิเดตคนใดชนะเสียงข้างมากในการลงคะแนนเสียงรอบแรก คณะเลือกตั้งระดับสูงมากกว่า 700 คน จะลงคะแนนเสียงในรอบถัดไป

การลงคะแนนให้กับแคนดิเดตจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีคนที่ชนะเสียงข้างมาก

ถ้าไบเดนเสียชีวิต ถอนตัว หรือพิการ หลังจากปิดประชุมใหญ่ในวันที่ 22 ส.ค. เจมี แฮร์ริสัน ประธานคณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแครต จะหารือกับสมาชิกพรรคเดโมแครตระดับสูงในรัฐสภาและสมาคมผู้ว่าการเดโมแครตเกี่ยวกับการหาคนมาแทนไบเดน จากนั้นแฮร์ริสันจะรายงานต่อ “คณะกรรมการ” ผู้มีสิทธิอนุมัติตำแหน่งแคนดิเดตที่ว่างอยู่

หนีไม่พ้น ต้องเสนอ ‘รองปธน.’

แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้ไบเดนถอนตัวจากการแข่งขันได้ฉายสปอตไลท์ไปยัง “คามาลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดี ที่นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแทนที่ไบเดน

“มีนา โบส” ผู้อำนวยการศูนย์ Peter S. Kalikow เพื่อการศึกษาประธานาธิบดีอเมริกัน จากมหาวิทยาลัยฮอฟสตรา บอกว่า รองปธน.เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม และว่าแฮร์ริสวัย 59 ปี ได้รับการตรวจสุขภาพแล้ว ส่วนเงินที่ระดมทุนได้จำนวนมากจากการหาเสียงของไบเดนในช่วงเลือกตั้งปัจจุบันจะโอนไปให้เธอ หากเธอได้เป็นทัวแทนพรรคแข่งขันชิงปธน.สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสก็ประสบปัญหาเดียวกับไบเดน มีคะแนนความนิยมต่ำตลอด 4 ปีที่ผ่านมา และรีพับลิกันก็มุ่งโจมตีเธออยู่แล้ว โดยกล่าวหาว่าเธอล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ปกครองชายแดน (border czar) แม้เธอไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่นั้นก็ตาม

อย่างไรก็ดี ยังมีสมาชิกเดโมแครตโปรไฟล์ครบเครื่องคนอื่น ๆ อีกมาก เช่น "กาวิน นิวซอม" ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ "เกร็ตเชน วิตเมอร์" ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ก็เป็นอีกตัวเลือกที่แข็งแกร่งกว่าแฮร์ริสหากไบเดนไม่เป็นแคนดิเดตอีกต่อไป แต่สมาชิกที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเหล่านั้นส่วนใหญ่บอกว่าจะไม่ลงสมัครชิงประธานาธิบดีในปีนี้

ซีเอ็นบีซีระบุว่า การมองข้ามรองปธน.ไปดึงสมาชิกคนอื่นๆ มาเป็นแคนดิเดตนั้น มีความเสี่ยงที่จะทำให้บรรยากาศการประชุมพรรคข่มขื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เดโมแครตไม่อยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะหลังจากการประชุมพรรครีพับลิกันที่แสดงให้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งเดียวกันในการผลักดันทรัมป์ในสัปดาห์นี้

โบสย้ำว่า “เวลาเหลือน้อย และยากที่จะเสนอคนอื่นแทนรองประธานาธิบดี”

 

อ้างอิง: CNBC