ทุกคะแนนมีค่า ‘แฮร์ริส-ทรัมป์’ เดินสายให้สัมภาษณ์ขยายฐานเสียง

ทุกคะแนนมีค่า ‘แฮร์ริส-ทรัมป์’ เดินสายให้สัมภาษณ์ขยายฐานเสียง

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐกำลังจะมาถึงภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ทั้งคามาลา แฮร์ริส และโดนัลด์ ทรัมป์ เร่งเดินสายให้สัมภาษณ์ เผยรายละเอียดใหม่ด้านนโยบายและยุทธศาสตร์การเมือง

สำนักข่าวเอพีรายงาน เมื่อไม่กี่วันก่อน คามาลา แฮร์ริส ให้สัมภาษณ์ชาร์ลามาญ (Charlamagne tha God) เจ้าของรายการวิทยุผู้โด่งดังในหมู่วัยรุ่นและคนผิวดำ และให้สัมภาษณ์ดุเดือด 30 นาทีกับฟ็อกซ์นิวส์ สถานีโทรทัศน์ฝ่ายรีพับลิกัน

ส่วน โดนัลด์  ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์เข้มข้นกับบรรณาธิการบลูมเบิร์กนิวส์ ณ เวทีสัมนาเศรษฐกิจในชิคาโก ท่ามกลางบรรยากาศเป็นมิตรจากคนฟัง ทั้งยังไปร่วมทาวน์ฮอลล์ของฟ็อกซ์นิวส์ และยูนิวิชัน สถานีโทรทัศน์ภาษาสเปน ยุทธศาสตร์ดังกล่าวมีทั้งข้อดีและความเสี่ยง 

ความเสี่ยงจากการให้สัมภาษณ์

ที่ผ่านมาผู้สมัครทั้งสองหลีกเลี่ยงให้สัมภาษณ์แบบเดิมๆ กล่าวคือนั่งคุยกับพิธีกรที่เป็นมิตร ภายใต้บรรยากาศที่ไม่ใช่ห้องข่าว แต่การให้สัมภาษณ์มาราธอนทั้งสองวันแตกต่างไปจากกลยุทธ์ดังกล่าว

แฮร์ริส ที่ถูกทรัมป์โจมตีว่าไม่ให้สัมภาษณ์เลยหลังจากขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตแทนประธานาธิบดีโจ ไบเดน เดือนนี้ให้สัมภาษณ์ถี่ขึ้น ไปออกรายการThe View ของสถานีโทรทัศน์เอบีซี, ออกรายการวิทยุกับโฮวาร์ด สเทิร์น, อัดเทปออกรายการดึกของดาวตลกสตีเฟน คอลเบิร์ต และอื่นๆรวมทั้งเข้ารายการ60 Minutes ที่สัมภาษณ์ผู้สมัครประธานาธิบดีเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ทรัมป์ยกเลิกมาออกรายการนี้

การที่แฮร์ริสไปออกฟ็อกซ์นิวส์กับผู้ประกาศ เบรต เบเออร์ เมื่อวันพุธ (15 ต.ค.) ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เธอยินดีตอบคำถามของพิธีกรทุกคน โดยเฉพาะหลังจากทรัมป์ยกเลิกรายการ60 Minutes แต่แล้วความเสี่ยงก็บังเกิดขึ้นทันที เมื่อพิธีกรถามเธอเรื่องนโยบายเข้าเมืองและมักจะขัดจังหวะเธอ ผิดกับทรัมป์ที่เวทีชิคาโกเมื่อวันอังคาร (15 ต.ค.) เขาพูดแทรกจอห์น มิกเคิลเวท บรรณาธิการบริหารบลูมเบิร์กบ่อยครั้ง แถมยังดูถูกเขาด้วยซึ่งถูกใจกองเชียร์ โดยมิกเคิลเวทถามทรัมป์เรื่องการสนับสนุนเก็บภาษี และแผนหาเงินมาทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้

ที่งานทาวน์ฮอลล์ของฟ็อกซ์นิวส์ อดีตประธานาธิบดีเจอกับผู้ฟังหญิงล้วนที่เป็นมิตรกับเขา ก่อนจะไปร่วมงานของสถานีโทรทัศน์ยูนิวิชัน ที่เขาต้องเจอกับคำถามจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเชื้อสายลาติน ซึ่งทรัมป์ก็เหมือนกับแฮร์ริสที่ต้องขยายฐานเสียงเพื่อคว้าชัยชนะในการแข่งขันอันสูสี ดังนั้นสำหรับทรัมป์แล้วการสัมภาษณ์ทุกรายการมีความหมาย

ทรัมป์กล่าวเสมอมาว่า ภูมิใจที่มีบทบาทนำในการพลิกคำตัดสินคดีโรกับเวด (Roe v. Wade) แต่ความเห็นล่าสุดเตือนให้ทรัมป์เข้าใจแล้วว่า ประเด็นนี้เป็นอันตรายต่อตนเองและพรรค เมื่อจู่ๆ เขาเจอคำถามในเวทีทาวน์ฮอลล์ผู้ฟังหญิงล้วนของฟ็อกซ์นิวส์

“ผู้หญิงมีสิทธิที่จะทำในสิ่งที่ต้องการและจำเป็นต้องทำกับร่างกายของตนเอง รวมถึงทารกในครรภ์ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดก็ตาม นั่นเป็นสิทธิ์ของพวกเธอ ซึ่งบางอย่างมีความจำเป็นเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง แล้วทำไมรัฐบาลต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้หญิงด้วย” ผู้ฟังตั้งคำถาม

ตอนแรกทรัมป์ตอบโต้ด้วยการยืนยันว่า ปัญหานี้ถูกส่งกลับไปให้รัฐตัดสินใจ แต่ก็ยอมรับว่ากฎหมายบางรัฐ “เข้มงวดเกินไป” ก่อนกล่าวเสริม “แล้วจะมีการแก้ไข หลายรัฐเคลื่อนไหวเตรียมแก้ไขแล้ว”

ทั้งนี้ ไม่ทราบแน่ชัดว่าทรัมป์หมายถึงอะไร มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่รีพับลิกันที่สนับสนุนทรัมป์ในรัฐที่ห้ามทำแท้งอย่างเข้มงวดซึ่งบางรัฐมีผลบังคับใช้ก่อนที่ผู้หญิงหลายคนจะรู้ว่าตั้งครรภ์ด้วยซ้ำ กำลังดำเนินการเพื่อ “แก้ไข” กฎหมายของรัฐ

มีเพียงไม่กี่รัฐที่เปิดให้ประชาชนลงประชามติผ่านบัตรเลือกตั้งในปีนี้ว่าจะยกเลิกการห้ามทำแท้งหรือไม่ เช่น ฟลอริดา ที่ทรัมป์วิจารณ์ว่าคำสั่งห้ามรุนแรงเกินไป แต่กล่าวด้วยว่า เขาจะลงคะแนนเพื่อคงกฎหมายไว้

ความจริงคือการพลิกคำพิพากษาคดีโรกับเวดกลายเป็นหายนะทางการเมืองของพรรครีพับลิกัน ตั้งแต่ศาลสูงพลิกคำพิพากษาผู้หญิงพากันต่อต้านพรรคในการเลือกตั้งหลายครั้ง แต่ทรัมป์อาศัยวิธีให้คำสัญญาอย่างคลุมเครือด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลงเพื่อจำกัดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในการเลือกตั้งเดือน พ.ย.

แฮร์ริสยอมรับทรัมป์ ‘ฟาสซิสต์’

ชาร์ลามาญเปิดประเด็นเมื่อแฮร์ริสกล่าวว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมี “สองทางเลือกและสองวิสัยทัศน์ของชาติที่แตกต่างกันอย่างมาก”

“ทำไมไม่บอกไปเลยล่ะ ว่าอีกทางเลือกคือลัทธิฟาสซิสม์” ชาร์ลามาญแหย่ซึ่งแฮร์ริสตอบทันที “ใช่ จะพูดแบบนั้นก็ได้”

นี่เป็นครั้งแรกที่รองประธานาธิบดียอมรับอย่างเปิดเผยกับการกล่าวถึงทรัมป์ด้วยภาษาเช่นนั้น ตอกย้ำว่ายิ่งใกล้วันเลือกตั้งแฮร์ริสก็ใช้คำพูดแบบเดียวกับไบเดน เช่น ประชาธิปไตยกำลังอยู่ในความเสี่ยง, ทรัมป์ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำเพราะโกหกว่าการเลือกตั้ง 2020 ไม่ชอบธรรม, ทรัมป์มีบทบาทในการจลาจลวันที่ 6 ม.ค.2021ใช้วาจาก้าวร้าวต่อเนื่อง และอื่นๆ

ต่างฝ่ายต่างชิงเสียงชายผิวดำ

ในการเลือกตั้งที่ตัดสินกันด้วยส่วนต่างไม่กี่คะแนน ทุกเสียงย่อมมีความหมาย ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต่างหันไปหาผู้ชายผิวดำ

แฮร์ริสให้สัมภาษณ์ชาร์ลามาญ เตือนว่า ทรัมป์ต้องการกำกับดูแลการกลับมาใช้วิธีการปฏิบัติของตำรวจอย่างเข้มงวดที่เรียกว่า “หยุดแล้วตรวจ” ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ชายผิวดำอย่างมาก

เธอให้คำมั่นว่าจะผลักดันกฎหมายแก้ไขการเลือกปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมายและการจับกุมในคดีกัญชาไม่ถือเป็นความผิดอาญา เรื่องเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชายผิวดำมากเช่นกัน ถือเป็นครั้งแรกๆ ของการหาเสียงที่การปฏิรูประบบยุติธรรมทางอาญากลายเป็นประเด็นสำคัญสำหรับแฮร์ริส จากที่เคยถูกพูดถึงมากในปี 2020 

ทรัมป์นั้นมั่นใจมากตอนหาเสียงกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวดำเมื่อวันอังคาร ทั้งสองพรรคยอมรับว่า แม้แฮร์ริสมีแนวโน้มได้เสียงโหวตเตอร์ผิวดำไปอย่างท่วมท้น แต่ทรัมป์กำลังตีตื้นโดยเฉพาะคนหนุ่มผิวดำ

“ชาวอเมริกันแอฟริกันหรือเชื้อสายลาตินคนใดก็ตามที่รู้อยู่แล้วว่าผมทำผลงานได้ดีขนาดไหน ถ้ายังโหวตให้คามาลาอีกล่ะก็ คุณต้องไปตรวจสอบสติปัญญาของคุณได้แล้ว” ทรัมป์กล่าว

ด้านแฮร์ริส กล่าวว่า ความท้าทายอย่างหนึ่งของเธอคือ การหาเสียงของทรัมป์ “พยายามหลอกหลอนผู้คนให้ถอยหนี เพราะรู้ดีว่าไม่มีอะไรให้พวกเขาพึ่งพาได้" แฮร์ริสกล่าวพร้อมย้ำ

"ไปถามโดนัลด์ ทรัมป์ดูถึงแผนการที่เขาจะทำให้คนอเมริกันผิวดำ ไปถามเขาสิ”