ฟังเสียงเตือน ‘พอล ครุกแมน’ ภาษีทรัมป์จะก่อหายนะทางเศรษฐกิจโลก

ฟังเสียงเตือน ‘พอล ครุกแมน’ ภาษีทรัมป์จะก่อหายนะทางเศรษฐกิจโลก

นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล 'พอล ครุกแมน' วิจารณ์เดือดนโยบายอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะขึ้นภาษีศุลกากรกับจีนและทั่วโลกว่า จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเองหดตัว และเกิดหายนะต่อประเทศขนาดเล็กทั่วโลก

“พอล ครุกแมน” (Paul Krugman) นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลวิจารณ์เดือดนโยบายอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะขึ้นภาษีศุลกากร 10-20% กับสินค้าจากทุกประเทศ และเก็บภาษีสินค้าจีนสูง 60% ว่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว และก่อความหายนะต่อเศรษฐกิจประเทศขนาดเล็กทั่วโลก

"กรุงเทพธุรกิจ" สรุปมาจากบทความของครุกแมน ที่ลงในหนังสือพิมพ์ The New York Times เมื่อเร็วๆ นี้ โดยสรุปได้ดังต่อไปนี้

#การประเมินผลกระทบภาษีทรัมป์ 2.0

ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดของการปรับขึ้นภาษีคือ ราคาสินค้าที่จะสูงขึ้น คิดเทียบกับปี 2566 ที่การนำเข้าจากประเทศจีนคิดเป็น 1.6% ของรายได้รวมภายในประเทศ ในขณะที่การนำเข้าจากประเทศอื่นๆ อยู่ที่ 9.6% ดังนั้นการประมาณการอย่างคร่าวๆ ของผลกระทบด้านเงินเฟ้อจากภาษีศุลกากรของทรัมป์หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าค่าครองชีพ จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 %

ผลกระทบที่แท้จริงอาจน้อยลงหากประเทศอื่นไม่ขึ้นภาษีตอบโต้และเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐจะฉีกข้อตกลงทางการค้า ก็จะมีการตอบโต้อย่างแน่นอน ในเวลาเดียวกัน ผู้ผลิตในสหรัฐบางรายอาจใช้ประโยชน์จากภาษีเพื่อเพิ่มราคา ดังนั้น จำนวนที่สมเหตุสมผลสำหรับผลกระทบต่อค่าครองชีพอาจเพิ่มขึ้น 3-4%

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นเพียงค่าเฉลี่ยเท่านั้น ภาษีศุลกากรจะกระทบต่อราคาสินค้ามากกว่าบริการ และสัดส่วนรายจ่ายของครอบครัวที่ใช้ซื้อสินค้ามีความสัมพันธ์แบบผกผันกับรายได้ของครอบครัวนั้น

ตัวอย่างเช่น ครอบครัวที่มีรายได้น้อย ใช้เงินค่าอาหารส่วนใหญ่ไปกับซื้ออาหารร้านขายของชำมาปรุงเอง ในขณะที่ครอบครัวที่มีรายได้สูงมักจะออกไปทานอาหารนอกบ้าน และค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารก็มาจากบริการของพ่อครัว แม่ครัว พนักงานเสิร์ฟ และอื่นๆ จึงทำให้ภาษีศุลกากรจะเพิ่มค่าครองชีพสำหรับครอบครัวที่มีรายได้ปานกลางและต่ำ

การประมาณการโดยสถาบันนโยบายภาษีและเศรษฐกิจในสหรัฐ ซึ่งคำนวณจากการขึ้นอัตราภาษี 20% พบว่า จะลดรายได้ที่แท้จริงลง 5.7% ของครอบครัวที่อยู่ในกลุ่ม 20% ล่างสุดของผู้มีรายได้ ส่วนครอบครัวที่มีรายได้ปานกลางจะลดลง 4.6% แต่ครอบครัวรวยสุด 1% บนยอดจะได้รับผลกระทบเพียง 1.4%

การวิเคราะห์โดยสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน ได้ตัวเลขใกล้เคียงกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งภาษีศุลกากรของทรัมป์จะมีผลเป็นการขึ้นภาษีแบบถดถอยอย่างมาก ซึ่งสร้างภาระร้ายแรงให้กับครอบครัวส่วนใหญ่

#เป็นภาระหนักขนาดไหน?

ค่ากลางรายได้ของครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 80,000 ดอลลาร์ต่อปี ดังนั้นค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น 4% จึงส่งผลให้รายได้หายไปเพราะภาษี 3,200 ดอลลาร์ หรือมากกว่าสำหรับครอบครัวทั่วไป

#ข้อดีของภาษีทรัมป์

ทรัมป์ไม่เชื่อว่าการขึ้นภาษีจะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น แต่เชื่อว่าภาษีจะช่วยลดการขาดดุลการค้าและส่งเสริมภาคการผลิตของสหรัฐ

แต่เมื่อต้นเดือนนี้ หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ได้สำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 44 คน พบว่า 59% ของคนตอบแบบสอบถาม กล่าวว่าภาษีของทรัมป์จะลดการจ้างงานในภาคการผลิตในประเทศ ในขณะที่มีเพียง 16% เท่านั้นที่เห็นตรงกันข้าม

ฟังเสียงเตือน ‘พอล ครุกแมน’ ภาษีทรัมป์จะก่อหายนะทางเศรษฐกิจโลก

ครุกแมนชี้ว่ามีสองเหตุผลที่ภาษีอาจส่งผลตรงกันข้ามกับที่ทรัมป์ต้องการ เหตุผลแรกคือ ภาษีเหล่านี้อาจนำไปสู่การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ทำให้สินค้าของสหรัฐมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกน้อยลง ดังนั้นการนำเข้าจะลดลงเพราะภาษีสูง ส่วนการส่งออกก็จะลดลงด้วยเพราะค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และเหตุผลประการที่สองคือ การขึ้นภาษียังจะกระตุ้นให้คู่ค้าขึ้นภาษีตอบโต้

ส่วนเหตุผลที่สามซึ่งถูกเน้นย้ำในการศึกษาปี 2018 ที่ตีพิมพ์ในบล็อกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กคือ การผลิตของสหรัฐต้องอาศัยชิ้นส่วนประกอบที่นำเข้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้นภาษีศุลกากรที่สูงจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก

รายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประจำปี 2019 เกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีทั่วโลกพบว่า โดยทั่วไปแล้วภาษีเหล่านี้นำไปสู่การว่างงานที่สูงขึ้น ในขณะที่มี “ผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการลดการขาดดุลการค้า”

การวิเคราะห์โดยสถาบันปีเตอร์สันชี้ให้เห็นว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์จะเพิ่มการขาดดุลการค้า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเนื่องจากแบบจำลองคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชดเชยผลกระทบด้านเงินเฟ้อของภาษี ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ายิ่งขึ้นไปอีก และทำให้สินค้าของสหรัฐมีความสามารถในการแข่งขันน้อยลง

ครุกแมนชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากว่าการเก็บภาษีของทรัมป์จะล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายส่งเสริมการผลิตของสหรัฐ

“ผลของการขึ้นภาษีจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว จะทำให้ขายสินค้าที่สหรัฐส่งออกน้อยลง ซึ่งก็คือสินค้าที่สหรัฐผลิตได้ค่อนข้างดี แต่สินค้าที่ผลิตได้ไม่ดีก็จะมีมากขึ้นในตลาดภายใน ผลที่ได้คือทำให้เศรษฐกิจมีประสิทธิภาพน้อยลงและสหรัฐยากจนลง”

นอกจากนี้ อัตราภาษีของทรัมป์จะทำลายข้อตกลงการค้าที่ทำให้อัตราภาษีทั่วโลกค่อนข้างต่ำ นำไปสู่ทั้งการตอบโต้และการเจริญรอยตามสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ตลาดโลกแบ่งแยกกันมากขึ้น

“การขึ้นภาษีอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจขนาดใหญ่และร่ำรวย เช่น สหรัฐและสหภาพยุโรป แต่อาจเป็นหายนะสำหรับเศรษฐกิจที่มีขนาดเล็กและยากจนกว่า อัตราภาษีของทรัมป์อาจทำให้เกิดความยากจนทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น และอาจจะเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ”

# ข้อดี-ข้อเสียของแผนภาษีทรัมป์คืออะไร?

ข้อเสีย: การขึ้นภาษีศุลกากรจะเพิ่มภาระหนักให้กับครอบครัวที่มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ ภาษีสูงอาจจะไม่ช่วยลดการขาดดุลการค้าอย่างมีนัยสำคัญและอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตของอเมริกาอย่างมาก และการดำเนินการขึ้นภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐจะสร้างความหายนะด้วยการทำให้ระบบการค้าโลกแตกร้าว

ข้อดี: “ผมคิดไม่ออกเลย” ครุกแมนสรุป

อนึ่งในปี 2017 ที่ทรัมป์รับตำแหน่งสมัยแรก โลกมีภาษีศุลกากรค่อนข้างต่ำ การค้าโลกค่อนข้างเสรี ในการขึ้นภาษีศุลกากรรอบแรกของเขาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและการค้าระหว่างประเทศมากนัก แต่การขึ้นภาษีรอบหน้าจะทำให้โลกหมุนกลับไป 90 ปีที่แล้ว ในช่วงที่สหรัฐและประเทศต่างๆ ที่มีอัตราภาษีศุลกากรสูง ตามความเห็นของครุกแมน