Gen Z เสียงแตกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

Gen Z เสียงแตกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ผลโพลชี้ วัยรุ่นอเมริกันเสียงแตกอย่างไม่น่าเชื่อในการตัดสินใจเลือกตั้งประธานาธิบดี สาวๆ ส่วนใหญ่เอียงซ้ายสนับสนุนคามาลา แฮร์ริส แต่หนุ่มๆ หลายคนเลี้ยวขวาสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ความแตกต่างระหว่างเพศที่เพิ่มขึ้นทุกขณะหมายความว่า แฮร์ริสต้องสู้กับทรัมป์เพื่อแย่งเสียงหนุ่มสาวจำนวนมากมาให้ได้ ศึกชิงเสียงเห็นได้ชัดเจนในวันศุกร์ (25 ต.ค.) ทรัมป์ที่พูดคุยกับอินฟลูเอนเซอร์หนุ่มสาวในโซเชียลมีเดียไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่แวดวงคิกบ็อกซิงไปจนถึงคริปโทเคอร์เรนซี เดินทางไปนิวยอร์กให้สัมภาษณ์ในรายการ Joe Rogan Experience พอดแคสต์ดังเข้าถึงกลุ่มผู้ฟังชายจำนวนหลายล้านคน

แม้ต้องเผชิญการเลือกตั้งที่สูสีที่สุด อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันยังเชื่อมั่นว่า เขาสามารถพลิกสถานการณ์ได้สำเร็จจากการสนับสนุนที่เพิ่มมากขึ้นจากชายหนุ่มที่สนใจการเมืองแบบแมนๆ ของเขารวมถึงเรื่องราวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และชอบพูดคุยเรื่องกีฬา

แฮร์ริสก็ไปเท็กซัสเหมือนกัน แต่พุ่งเป้าไปยังกลุ่มหญิงสาว โดยได้ซูเปอร์สตาร์บียอนเซ ตัวแม่ด้านส่งเสริมสิทธิสตรีมาร่วมเวที แฮร์ริสหาเสียงเรื่องสิทธิการทำแท้งในรัฐที่มีข้อห้ามโหดหินที่สุดของสหรัฐ

ในภาพรวมคนหนุ่มสาวมีแนวโน้มเทคะแนนให้กับพรรคเดโมแครตมากกว่า

โพลชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยแพร่ในเดือน ก.ย. สำรวจจากประชาชนอายุ 18-29 ปี ที่วางแผนไปลงคะแนนให้แฮร์ริสมากกว่าทรัมป์ถึง 31%

แต่ในโพลเดียวกันพบว่า หญิงสาว 70% วางแผนเลือกแฮร์ริส 23% เลือกทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ในหมู่ชายหนุ่ม แฮร์ริสได้เสียงสนับสนุนเพียง 53% ขณะที่ทรัมป์ได้ 36%

เมื่อเร็วๆ นี้โพลของเอ็นบีซีสำรวจจากคนกลุ่มอายุเดียวกัน ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจน หญิงสาว 59% เลือกแฮร์ริส 26% เลือกทรัมป์ แต่ในกลุ่มชายหนุ่มส่วนต่างลดลงมาก เลือกแฮร์ริส 42% เลือกทรัมป์ 40%

  • การปะทะทางวิสัยทัศน์

“ฉันกังวลเรื่องสิทธิของผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิในการดูแลสุขภาพ มันเหมือนพวกเขาพยายามพรากสิทธิการทำแท้งของเราไปแล้ว แล้วจะเอาอะไรไปอีก? จะเป็นอะไรต่อไป?” เมเดอลีน เทนา นักศึกษาแพทยวัย 18 ปี จากแอริโซนา ตั้งคำถาม เธอติดตามข่าวการหาเสียงจากติ๊กต็อก

“ฉันจะไปลงคะแนนให้คามาลา ดูจากสิ่งที่ฉันเห็นบนโซเชียลมีเดีย คามาลา ดูดีกว่าทรัมป์มาก” ทรัมป์ดูเหมือน “เด็กไม่รู้เดียงสา”

ตรงข้ามกับแซคครี ไคลน์วัย 21 ปี ผู้ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพสัปดาห์ละ 60 ชั่วโมง ด้วยการเป็นพนักงานเสิร์ฟและบริษัทจัดงานศพในเพนซิลเวเนีย ที่ประทับใจภาพลักษณ์ของทรัมป์ว่าเก่งเรื่องเศรษฐกิจ

“ผมรู้ว่าคนจำนวนมากยังชอบทรัมป์ แค่เพราะว่าทุกอย่างถูกลงหมดตอนเขาเป็นประธานาธิบดี”

แต่สำหรับเจนนี สวีต คุชแมน อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชาตัม มองเห็นบางอย่างลึกลงไปกว่านั้นนั่นคือความแตกต่างในการมองอนาคตของหนุ่มสาวอเมริกันที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ

ผู้หญิงมีปริญญามากขึ้นและละทิ้งพรรครีพับลิกัน ส่วนผู้ชายโอบรับแนวคิดฝ่ายขวา

“เวลาฉันถามนักศึกษาว่า พวกเขามีแผนจะมีลูกหรือไม่ หนุ่มๆ ส่วนใหญ่มองว่าจะมีลูกสักวันหนึ่ง แต่สาวๆ แทบไม่มีใครตอบแบบนั้นเลย” นักวิชาการกล่าว

  • เลิกนับถือศาสนา

ผลศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าหญิงสาวอเมริกันเมินแนวคิดอนุรักษนิยมที่เคยปฏิบัติกันมามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดเกี่ยวกับครอบครัว การแต่งงานและการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งยังเอาตัวออกห่างจากศาสนามากขึ้นในประเทศที่ศรัทธากับการเมืองใกล้ชิดกันมาก

ผลสำรวจในเดือน เม.ย. โดย ศูนย์สำรวจชีวิตอเมริกันพบว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ชายมีแนวโน้มละทิ้งศาสนาที่ถูกเลี้ยงดูมามากกว่าผู้หญิง

แต่ใน Gen Z หรือคนที่เกิดช่วงปลายทศวรรษ 1990 ถึงต้นทศวรรษ 2010 กลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผู้หญิง 54% ละทิ้งศาสนา แต่พลวัตทางเพศเหล่านี้จะมีผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่ยังยากจะกล่าว เนื่องจากมีหลายตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้อง กระนั้นสิ่งที่ชัดเจนคือ ผู้หญิงมีแนวโน้มออกไปลงคะแนนมากกว่า

“ผู้หญิงออกไปโหวตมากกว่าผู้ชายมากว่า 40 ปีแล้วในการเมืองอเมริกัน ไม่มีตัวปี 2024 ก็ไม่น่าจะแตกต่าง” เคลลี ดิตต์มาร์ อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัตเจอร์สกล่าว