Human Rights Watch ชี้ อิสราเอล 'ก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์' จากการสั่งอพยพคนในกาซา
Human Rights Watch กล่าวหาอิสราเอลก่ออาชญากรรมสงคราม และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ หลังมีหารสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก ทำให้ประชาชนต้องพลัดถิ่นนับล้าน และทำให้โครงสร้างพื้นฐานเสียหาย
รายงาน Human Rights Watch ระบุว่า อิสราเอลควบคุมการอพยพครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์ในกาซาโดยเจตนาและเป็นระบบ ซึ่งถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม และเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ
รายงาน 154 หน้าที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (14 พ.ย.) มีรายละเอียดเกี่ยวกับปฏิบัติการทำลายล้างในกาซามานาน 13 เดือน สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์ต้องผลัดถิ่น 1.9 ล้านคน มากกว่า 90% ของจำนวนประชากรในดินแดนดังกล่าว
รายงานของ Human Rights Watch (HRW) อ้างถึง การทำลายบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานในกาซาอย่างผิดกฎหมายและจงใจของกองทัพอิสราเอล และว่า “กองทัพอิสราเอลมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้เป็นเขตกันชนและช่องทางที่ปลอดภัยอย่างชัดเจน” ซึ่งอาจทำให้ชาวปาเลสไตน์ต้องผลัดถิ่นอย่างถาวร
นาเดีย อาร์ดแมน นักวิจัยด้านสิทธิผู้ลี้ภัยและผู้อพยพของ HRW บอกว่า รัฐบาลอิสราเอลไม่สามารถอ้างถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับชาวปาเลสไตน์ เมื่อพวกเขาลงมือสังหารประชาชนตามเส้นทางอพยพหลบหนี ทิ้งระเบิดใส่พื้นที่ปลอดภัย (safe zone) ตัดขาดการเข้าถึงอาหาร น้ำ และสุขาภิบาล
กองทัพอิสราเอลโต้กลับรายงานดังกล่าวในวันเดียวกันว่า อิสราเอลยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศและดำเนินการตามกฎนั้น และคำสั่งอพยพเป็นไปเพื่อปกป้องพลเรือนจากการสู้รบที่เกิดขึ้น
กองทัพอิสราเอลยังได้ปฏิเสธว่า ไม่มีคำสั่งใด ๆ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนโดยไม่คำนึงถึงความจำเป็นทางทหาร และว่ารายงานและข้อร้องเรียนใด ๆ เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศจะถูกส่งไปยังหน่วยงานตรวจสอบภายใน
ซีเอ็นเอ็นระบุ กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มและเจ้าหน้าที่สืบสวนของยูเอ็นอิสราเอลกล่าวหาว่า ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลเป็นการก่ออาชญากรรม ขณะที่กลุ่มฮามาสก็กล่าวหาว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมสงคราม
กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลโต้ว่า คำกล่าวหาเหล่านั้นเป็นเรื่องอุกอาจ และเป็นความพยายามทำลายความชอบธรรมของการดำรงอยู่ของอิสราเอลอย่างโจ่งแจ้ง และขัดขวางสิทธิในการปกป้องประชากร ขณะที่พยายามปกปิดการก่ออาชญากรรมของกลุ่มก่อการร้าย
ด้านเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า อิสราเอลไม่มีความตั้งใจที่จะยึดครองกาซาหรือย้ายพลเรือนออกไปอย่างถาวร
ทั้งนี้ รายงานของ HRW เผยแพร่ออกมาหลังจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเผยเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย.)ว่า อิสราเอลไม่ได้ละเมิดกฎหมายสหรัฐ หลังจากผ่านกำหนดขีดเส้นตาย 30 วันให้อิสราเอลปรับปรุงสถานการณ์ด้านทนุษยธรรมในกาซาให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นจุดยืนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากองค์กรบรรทุกข์ที่พบความจริงอันโหดร้ายในพื้นที่ดังกล่าว
หน่วยงานดังกล่าวยังได้เรียกร้องให้หลายประเทศยุติจำหน่ายอาวุธให้กับอิสราเอลและออกมาตรการคว่ำบาตร เพื่อ
ผลักดันให้อิสราเอลปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศในการปกป้องพลเรือน นอกจากนี้ยังได้ร้องศาลอาญาระหว่างประเทศให้สอบสวนการบังคับอพยพชาวปาเลสไตน์ ซึ่งหน่วยงานมองว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
Human Rights Watch เตือนด้วยว่า ปฏิบัติการทางตอนเหนือของอิสราเอลในกาซา อาจทำให้พลเรือนอีกหลายแสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่
อ้างอิง: CNN